I  want  to  have  many  friends.

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ฝึกจิต คิดเป็นบวก


เวลานี้ต้องบอกว่า สังคมกำลังอุดมความเครียดอย่างเต็มพิกัด ซ้ายก็เครียด ขวาก็อึดอัด เดินหน้าไม่ดี ถอยหลังก็ไม่ได้ เป็นภาวะที่บีบคั้นหัวใจเป็นอย่างมาก


ดังนั้นในสภาวการณ์แบบนี้ หัวจิตหัวใจที่มั่นคง คือ พลังที่จะทำให้ผู้คนก้าวพ้นจากภาวะเช่นนี้ไปได้

พลังจากจิตที่แม้กระทั่งยอดอัจฉริยะอย่างไอสไตน์ยังเชื่อว่า มีพลังและมีอำนาจมากที่สุด แม้กระทั่งระเบิดปรมาณูที่เขาคิดค้นขึ้นยังสู้ไม่ได้ และจะดีแค่ไหน หากเรารู้จักที่จะใช้พลังอันทรงอานุภาพนี้มาช่วยสยบความร้อนรุ่ม และวิธีที่ว่านี้ต้องใช้เรื่องของการ ′ คิดบวก′ เข้ามาช่วย แต่จะคิดบวกได้อย่างไร ลองดูวิธีเหล่านี้

′ทำสมาธิ′ ควรตั้งสติ และนั่งสมาธิให้ได้ทุกวัน วันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่คลื่นผ่อนคลายสุด ๆ จะทำให้มีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ เมื่อมีสมาธิ จิตที่คิดบวกจะเข้าไปกระตุ้นต่อมพิทูอิตารีให้หลั่งฮอร์โมนดีมีประโยชน์ต่อ ร่างกายได้อีกด้วย

′หายใจลึก′ สมองจะต้องใช้ ออกซิเจน ที่เข้าสู่ร่างกายมากถึง 20-25% หรือ 1 ใน 4 ของการใช้ออกซิเจนทั้งหมด การหายใจลึก ๆ ควรนั่งหลังตรง เพื่อให้ออกซิเจน เข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น จะ ช่วยส่งพลังไปถึงสมองได้ดียิ่งขึ้น

หัวเราะหรือยิ้มบ่อย ๆ′ จะช่วยไปกระตุ้นทำให้สารแห่งความสุขหลั่งออกมา ช่วยให้มองโลกแง่ดี เกิดความรักและหวังดีต่อผู้อื่น

บันทึกสิ่งดี ๆ′ ฝึกเขียนขอบคุณกับเรื่อง ราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน จะทำให้สมองคิดบวก จะช่วยทำให้นอนหลับ มี สมาธิ และมีความคิดสร้างสรรค์

วิธีเหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างอัจฉริยะของ ′หนูดี′ นำมาใช้ หรืออาจจะใช้วิธีดี ๆ ของพระอาจารย์ ′ว.วชิรเมธี′ แนะว่า ให้ใช้การ ′มองโลก′ อย่างเป็นจริง และ ′ ยอมรับ′ พร้อมกับเปลี่ยนมุมมองวิธีคิดให้ไม่ทำร้ายตัวเอง อย่างเช่น...

เวลาเจอ....ปัญหาซับซ้อน บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษเวลาเจอ...ทุกข์หนัก...บอกตัวเองว่า นี่ คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยสร้างทักษะในการดำเนินชีวิตเวลาเจอ...คนเลว บอกตัวเองว่า นี่ คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์เวลาเจอ ...วิกฤต บอกตัวเองว่า นี่คือ บทพิสูจน์ว่า ในวิกฤตย่อมมีโอกาส ฯลฯและ


------------------------------


http://www.you-can-do.net/?refno=66136

ด้วยมิตรภาพ

อัญชลี รัตน์ บุญยวิตร์


ขอกล่าวคำขอบคุณ สำหรับบทความดีๆ ที่ควรค่าแก่การแบ่งปัน

เราขอเป็นกำลัง ใจให้กับทุกท่าน และยินดีที่จะร่วม กันสร้างสรรสิ่ง ดีๆ เพื่อเป็น

กำลังใจให้แก่กันและกันตลอดไปค่ะ

หญิงเล็ก

หากคุณ ผิดพลาด ผิดหวังจากธุรกิจเครือข่ายอื่นๆ ออริเฟลม จะเป็นธุรกิจสุดท้ายสำหรับคุณ

http://www.OmoneyCenter.com/go.asp?id=64851

http://03ylk.9hz.com/

******************************************





Web Hosting

"10 วิธีในการคลายความเครียด"


1. ฟังเพลง หามุมสงบ


นั่งปล่อยใจ ให้ล่องลอยอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วฟังเพลง เบา ๆ โดยเฉพาะเพลงจำพวก Meditation ซึ่งเดี๋ยวนี้มีให้เลือกหลากหลายแบบตามความต้องการ ทั้งเสียงของดนตรี บรรเลงหรือเสียงธรรมชาติ จำพวกเสียงคลื่น..เสียงน้ำตก..เสียงนกร้อง รับรองว่าจะช่วยสร้างสมาธิให้กลับคืนสู่สมองและจิตใจได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ในช่วงระยะเวลาเพียงสั้นๆ เชียวล่ะ

2. ฉายเดี่ยวดูภาพยนตร์

ขอแนะนำให้ฉายเดี่ยวแล้วตี ตั๋วดูหนังดีๆ สักรอบ เพราะการไปดูหนังเนี่ยเป็นวิธีที่เวิร์คที่สุดที่จะปลดปล่อยความรู้สึกให้ ล่องลอยอย่างเป็นอิสระไม่จมอยู่กับปัญหา แถมระบายความอัดอั้นตันใจได้อย่างเห็นผล แต่ต้องถามตัวเองก่อนนะว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน เช่น ถ้าอยากร้องไห้ก็ไปดูหนังรักเศร้าเคล้าน้ำตาแล้วก็ร้องไห้ออกมาซะให้พอ หรือถ้าเครียดจัดก็จงไปดูหนังตลกแล้วหัวเราะให้หลุดโลกไปเลย

3. โทรหาเพื่อนรู้ใจ

อย่าคิดว่าตัวเองจะแก้ปัญหาทุก ปัญหาได้ดีไปซะหมด หัวใจสาวมั่นแม้จะแกร่งเพียงใดก็ยังต้องการที่พึ่งพิงเสมอ ยกหูโทรศัพท์หาเพื่อนรู้ใจสันคนแล้วระบายความรู้สึกให้เพื่อนได้รับรู้ เพราะการมีคนรับฟังและให้คำปรึกษา จะทำให้ชีวิตที่เอียงกะเท่เร่เริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น อย่างน้อยก็ยังรู้สึกว่า ไม่ได้แบกปัญหาอยู่คนเดียวในโลกไงล่ะ

4. เขียนไดอารี่

การเขียนไดอารี่เปรียบเสมือนการเปิด ประตูอารมณ์ที่ปล่อยให้ความอัดอั้นตันใจต่างๆ ได้ไหลลงสู่หน้ากระดาษอย่างเป็นอิสระและเป็นส่วนตัวที่สุด เพราะการถ่ายเทความรู้สึกในใจออกมา จะทำให้จิตใจปรับสมดุลได้เร็วขื้น อีกทั้งระหว่างการเขียนไดอารี่นั้นยังถือเป็นการทบทวนความรู้สึกตัวเองที่ดี ที่สุดด้วย ส่วนข้อดีสุดเลิศอีกข้อก็คือ ไดอารี่เป็นเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้ที่สุด เพราะรับฟังเราเสมอและไม่เคยเอาความลับไปบอกต่อไงล่ะ

5. พลังแห่งการสัมผัส

ลองมองหาใครสักคนช่วยโอบกอดหรือ สัมผัสเบา ๆ เวลารู้สึกเหนื่อยล้าดูสิ เพราะร่างกายคนเราเวลาถูกสัมผัสเนี่ย จะทำให้เกิดฮอร์โมนที่ชื่อ "อ๊อกซี่โทชิน" ซึ่งมีผลในการลดระดับความเหนื่อยและความเครียด ช่วยให้ร่างกายที่กำลังอ่อนล้ารู้สึกผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ

6. สร้างอารมณ์ขัน

พยายามมองหาเพื่อนที่มีอารมณ์ขัน ช่วยกระตุ้นจิตใจที่แสนห่อเหี่ยวให้หัวเราะได้อีกครั้ง เพราะคนที่หัวเราะง่ายจะมีสุขภาพจิตที่ดี เนื่องจากการหัวเราะจะช่วยลดความดันโลหิตและระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลลง (ฮอร์โมนคอร์ติซอล = ฮอร์โมนแสดงความเหนื่อยล้าในกระแสเลือด) แถมยังช่วยเสริมสร้างระดับของ "อิมโมโนโกลบูลินเอ" ซึ่งเป็นสารแอนตี้บอดี้ที่สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายอีกด้วยนะ เพราะฉะนั้นหัวเราะเข้าไว้ แล้วจะดีเอง

7. สูดกลิ่นหอม

รู้หรือเปล่าว่า...กลิ่นหอมของดอกไม้ นานาพันธุ์มีผลในการช่วยปลุกประสาทสัมผัสให้สดชื่นตื่นตัว แถมยังกระตุ้นพลังงานในจิตใจได้เป็นอย่างดี เวลาเครียด ๆ ก็ลองสูดกลิ่นหอมของดอกไม้สิ อย่างกลิ่นกุหลาบ มะลิ ลาเวนเดอร์ หรือจะหยดน้ำมันหอมระเหยในน้ำอุ่นกำลังดี แล้วนอนแช่ตัวให้เพลินสักครึ่งชั่วโมงก็ได้ กลิ่นหอมจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้อย่างบอกไม่ถูกเชียวล่ะ

8. ไปตากอากาศ

หาเวลาหลบไปสูดอากาศบริสุทธิ์กับชีวิต ท่ามกลางธรรมชาติสักพัก สิ หายใจเข้าลึก ๆ ช้า ๆ ปล่อยสมองให้ว่างที่สุด แล้วก็นอนให้มากที่สุดเท่าที่อยากจะนอน เพราะบางทีความรู้สึกเหนื่อยล้าและหดหู่แบบไม่ทราบสาเหตุเนี่ยมันมาจาก ชีวิตที่ยุ่งเหยิงจนเกินไป เพราะฉะนั้นหลบไปนอนตากน้ำค้างดูดาวเสียบ้าง หัวใจจะได้ชาร์จพลังได้ดีขึ้น

9. หาสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อน

ลองหาสัตว์เลี้ยงสักตัวมา เป็นเพื่อนเล่นก็ไม่ เลวนะ เพราะการให้เวลากับสัตว์เลี้ยงตัวโปรด คุยเล่น หยอกล้อกับมันเสียบ้าง จะช่วยให้จิตใจอันแสนจะฟุ้งซ่าน สงบลงได้ แถมรู้จักการให้และมองโลกในแง่ดีมากขึ้นอีกต่างหาก ที่สำคัญยังช่วยลดความดันโลหิตได้อีกด้วยนะ

10. จินตนาการแสนสุข

อีกทางเลือกสำหรับการบรรเทาความ หดหู่ในส่วนลึก เป็นการดึงตัวเองออกจากโลกปัจจุบัน ทำได้โดยหลับตาแล้วหายใจลึก ๆ จากนั้นก็สร้างจินตนาการถึงความฝันที่วาดหวังเอาไว้ หรือแม้แต่ความหลังอันแสนสุขที่เคยมีการดึงความสุขจากจินตนาการมาใช้จะ ทำ ให้เกิดพลังสร้างสรรค์ในหัวใจ และยังช่วยสลายความเครียดข้างในได้เป็นอย่างดี ทำแบบนี้เงียบๆ สัก 5 นาที รับรองรู้สึกดีแบบทันตาเห็น





แหล่งข้อมูล : วาไรตี้ทูเดย์

ทำไมบางคน ถึงได้ทุกข์ร้อนใจอยู่เสมอ

ทำไมบางคนถึงทุกข์ร้อน วิตกกังวล กระวนกระวาย ไม่สบายใจ ไม่ปลอดโปร่งอยู่เสมอ


คำ ตอบง่ายมาก เพราะเขาแบก ความคิดและความรู้สึกหลายอย่างเอาไว้ ไม่ปลดปล่อย ไม่ปรับเปลี่ยน จนกระทั่งมันกลายเป็นขยะหรือคราบสกปรกเกาะติดหัวใจ เวลามีอะไรมากระทบหรือสัมผัสกับความรู้สึก ก็จะมีคราบเปื้อนเหล่านี้เข้าไปเจือปน ความสดใสที่ควรจะมี จึงมีได้ไม่เต็มที่

ทำไมเราจึงปล่อยให้ใจเป็น "ถังขยะ" ล่ะ


คำตอบก็คือ เราไม่ค่อยรู้ตัวหรอก ว่าเราแอบทิ้งขยะลงไปในใจของเราเอง หรือมีใครทิ้งขยะลงมาในหัวใจของเราบ้าง ถ้าเราไม่หมั่นสำรวจ บางทีเราอาจมีขยะรกเรื้อหัวใจอยู่มากมายเลยก็ได้ อะไรบ้าง ที่เป็นขยะหัวใจ


1. ความไม่พอใจ

มี หลายเรื่องเลยนะ ในชีวิต ที่เราไม่พึงพอใจ ถ้าจะแบ่งให้กว้างที่สุดเพื่อให้เห็นภาพ สิ่งที่ทำให้เราไม่พอใจมีอยู่ 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ ไม่พอใจคนอื่น กับไม่พอใจตัวเอง ไม่พอใจคนอื่นเกิดได้มากกว่าความไม่พอใจในตัวเอง เพราะธรรมชาติของคน ย่อมรักตัวเองมากกว่าคนอื่น ย่อมโทษคนอื่นก่อนโทษตัวเอง ย่อมเห็นความผิดของคนอื่นได้ก่อนและได้ชัดกว่าความผิดของตนเอง

ขณะเดียวกันเราต่างก็รู้ว่า โลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ มีเกิน มีขาด จนกว่าจะค่อยๆ ปรับปรุงพัฒนาให้มีความพอดีได้ จึงจะเข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบมากที่สุด ฉะนั้น เราควรมองด้านดีของกันและกันให้มากกว่าด้านที่บกพร่อง

ถ้าเราเริ่มจากมองด้านดีของกันและกันแล้ว ความพึงพอใจ และความนับถือในกันและกันก็จะเกิด ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สร้างสรรค์...กว่าการจับผิดกัน แล้วนำไปสู่ความไม่พอใจ

2. ความผิดหวัง

2 สิ่งที่ไม่ควรตั้งความหวังไว้สูงนัก คือหวังว่าเรื่องบางเรื่อง เหตุการณ์บางเหตุการณ์ หรือคนบางคนในอดีตจะย้อนกลับมา กับหวังว่าอนาคตจะเป็นไปตามที่เราวาดหวังเสียทุกประการ อดีตเป็นสิ่งที่ยากจะเรียกหาให้ย้อนกลับคืนมาเป็นเหมือนเดิม ดีที่สุดคือใช้อดีตเป็นบทเรียน ให้สติ ให้เราเรียนรู้ทั้งโอกาสและความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้น เพื่อให้วันนี้และวันข้างหน้า ดีกว่าอดีตที่เคยเป็น

ส่วนอนาคตย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย ไม่สามารถบังคับบงการให้เป็นไปตามความหวังของเราได้เสียทั้งหมด แต่พอจะคาดการณ์ได้ว่าน่าจะเป็นอย่างไร กระนั้นก็ตาม หากไม่เป็นไปอย่างที่คาดการณ์ ก็อย่าได้ทุกข์ร้อนเสียใจ และปล่อยความคาดหวังบนความไม่แน่นอนแบบนี้ให้เป็นขยะรกอารมณ์

3. ความอิจฉาริษยา

ขยะ อย่างหนึ่งที่รกใจคนที่สุด ก็คือความอิจฉาริษยาคนอื่น โดยไม่ทันเฉลียวว่า ทุกครั้งที่เราอิจฉาริษยาใครก็ตาม ความนับถือตัวเองของเราก็เสื่อมถอยลงไปด้วย เพราะการจะรู้สึกอิจฉาหรือริษยาใครนั้น ย่อมมีพื้นฐานมาจากความรู้สึกว่าเขาดีหรือได้ดีกว่าเรา เราจึงอิจฉาเขาเป็นพัลวัน

จงหยุด อิจฉา แล้วมองให้เห็นว่า การที่คนอื่นได้ดีหรือมีดีกว่าเรานั้น เป็นสิ่งที่น่ายินดี ควรยินดีกับเขา และปรับเปลี่ยนโน้มน้าวตัวเองให้ทวีความดีดั่งที่เขามีจนเราอิจฉา

4. ความยึดมั่นถือมั่น

ขยะที่เพิ่มพูนความรกเรื้อรุงรังให้ใจได้เป็นอย่างดีอีกประการ หนึ่งคือ ความยึดมั่นถือมั่น คิดว่านั่นก็คนของฉัน นี่ก็บ้านของฉัน รถของฉัน คนรักของฉัน ตำแหน่งของฉัน ฯลฯ จนไม่สามารถปล่อยวาง ?สิ่งนอกตัว? เหล่านั้นลงได้

ส่วนใหญ่พบว่า จิตจะปรุงแต่งไปเอง ว่าสิ่งนี้ฉันรัก สิ่งนี้ฉันเป็นเจ้าของ ใครก็เอาไปจากฉันไม่ได้ พอไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ ก็ผูกพันหน่วงเหนี่ยว ยังคงเสียดาย เสียใจ และปรุงแต่งจิตเพิ่มเข้าไปว่าฉันนี้แสนทุกข์ระทม

ลองยอมรับความจริงดูบ้างไหม ว่าอะไรๆ ในโลกนี่ก็ไม่ใช่ของเราอย่างถาวรทั้งสิ้น แม้กระทั่งร่างกายของเรานี้ แท้ก็เป็นแค่ของยืมมา ใช้ได้ชาตินี้ชาติเดียว เดี๋ยวก็เสื่อม ก็แก่ ก็ป่วย ก็ตาย ต้องคืนร่างกายสังขารนี้สู่สภาพดิน น้ำ ลม ไฟ เน่าเปื่อยผุพังไป สิ้นความสวยความหล่อ ตลอดจนลาภยศสรรเสริญทั้งปวง

5. ความกลัว

ใจหลายคน รุงรังไปด้วยความกลัว กลัวเขาจะไม่รัก กลัวเงินจะหมด กลัวฝนจะตก กลัวนายจ้างจะเลิกจ้าง กลัวเพื่อนร่วมงานจะได้ดีกว่า กลัวไม่ก้าวหน้า ไม่ได้โบนัส ฯลฯ

กลัวไปทำไม เรื่องบางเรื่องเราตัดสินเองไม่ได้ อยู่นอกเหนือจากการควบคุม ซึ่งกลัวไปก็เท่านั้น ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นสักนิด บางเรื่องแทบไม่มีวันมาถึงในชีวิต ก็กลัวล่วงหน้า กลัวจนประสาทเสีย

จงพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกคนและทุกสิ่งในชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี ซึ่งต้องเริ่มจากการทำแต่สิ่งที่ดี โปร่งใส ไม่เป็นแผลติดตัวที่ต้องปิดบังซ่อนเร้น และจงขจัดความกลัวออกไปจากใจ เพื่อให้เกิดความมั่นใจที่จะใช้ชีวิตของเราให้สมศักดิ์ศรี เพื่อที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อทำให้ชีวิตนี้ดีกว่าเดิม

6. ความอยาก

จง "อยาก" ให้พอดีกับกำลังกาย กำลังทุน และกำลังสติปัญญาของตัวเอง อย่าอยากจนเกินกำลัง เพราะจะทำให้สิ้นกำลังได้ง่าย แล้วกลายเป็นคนพ่ายแพ้ อ่อนแอ หมดสิ้นความทะเยอทะยานอยากในชีวิต

ความทะเยอทะยานอยากเหมือนรถ แต่ใจเราคือคนขับ รถแล่นด้วยความเร็วกำลังดี เราก็ได้ประโยชน์ จอดอยู่เฉยๆ ก็นิ่งอยู่กับที่ แต่หากแล่นฉิวจนเกินควบคุม ก็อันตรายกับชีวิต ฉะนั้น ใจต้องเป็นนายของความทะเยอทะยานอยาก ขับเคลื่อนความทะเยอทะยานอยากโดยควบคุมได้

ทำอย่างไรให้ใจสะอาด

เริ่มจากปล่อยวางสิ่งต่างๆ ลง อย่ายึดติดยึดถือให้มากนัก แล้วอยู่กับปัจจุบัน อะไรที่อยู่กับเรา เป็นของเรา ย่อมอยู่กับปัจจุบันของเราด้วย นั่นคือสิ่งจริงแท้แน่นอน การปล่อยวางสิ่งต่างๆ ลง เท่ากับการเทขยะทิ้ง การอยู่กับปัจจุบัน เท่ากับการปิดฝาถังขยะ ไม่เปิดรับขยะใหม่ๆ ให้ใจต้องสกปรกรกรุงรังอีก เพื่อมีเวลาทำความสะอาดหัวใจให้ผ่องใส เบิกบาน

ใจ...แท้จริงผ่องใสด้วยตัวของมันเอง แต่คนที่เป็นเจ้าของหัวใจต่างหาก ที่ชักนำสิ่งต่างๆ มาปะพอก จนใจนั้นหมดสภาพ ฟื้นหัวใจให้กลับไปผ่องใสดังเดิมกันเถิด ปัดฝุ่นและคราบเขม่าทั้งหลาย แล้วเปิดทางให้หัวใจได้หายใจ เต้น และรู้สึกด้วยตัวของมันเอง

อย่า ไปบงการหัวใจมาก เพราะแทนที่จะเป็นหัวใจ มันจะกลายเป็นถังขยะแทน

*************************************************








♣ เมื่อรักจบลง ใครคือคนผิด? ♣


เรื่องความรัก . . . เมื่อมันจบลง

มัก ต่างฝ่ายต่างคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนผิด

โทษกันไปโทษกันมาว่า . . . ตัวเองไม่ผิด

แต่ถ้าเรามานั่งคิดจะรู้ว่า . . . ไม่มีใครผิด หรือผิดทั้งคู่


อยากบอกว่า สับสนไปหมดแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นกับเรา?

ใครคือคนที่ผิด. . . เราหรือว่าเขาคนนั้น

เราผิดที่เราไม่ห้ามใจตัวเอง. . .

เราผิดที่ เราหลงรักเขา. . .

เราผิดเหรอ? . . . ที่ห้ามใจของตัวเองไม่ได้

ทุกครั้งที่ผ่าน มา เราเลือกที่จะเก็บมันเอาไว้กับตัวเอง. . .

มากกว่าที่จะเอ่ยบอกใครคน นั้น ที่เราแอบรัก เพราะเรากลัว. . .

กลัว. . . ว่ามันจะไม่มีวันดีๆอย่างเมื่อวานอีกแล้ว

กลัว. . . ว่าความรู้สึกดีๆ ที่เขามีให้มันจะหมดไป

กลัว. . . ว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม


แค่ได้อยู่ใกล้ๆ ได้เห็นหน้า ได้พูดคุยบ้างก็ยังดี

. . . ไม่ต้องการมากไปกว่านี้เลย

จน วันที่เรามีตัวจริง ความรู้สึกนี้ก็หายไป

จนเกือบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ว่า. . . มันเป็นอย่างไร

ลืมรสชาติของความเจ็บปวดของการแอบหลงรักใครสัก คน

โดยที่เขา ไม่มีวันรู้ว่ามันเป็นอย่างไร


จน วันนี้ . . .วันที่เราได้เจอเขาคนหนึ่ง

เหมือนคนทั่วๆไป ไม่มีอะไรเด่น

นอกจากความมีมนุษย์สัมพันธ์ดี ที่มีให้ ความมีน้ำใจที่เต็มเปี่ยม

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ความรู้สึกที่มันเกิดขึ้นระหว่างเรากับเขา

มันก็ระบุไม่ได้ เหมือนกันว่าเป็นอะไร

"เพื่อน" หรือ "คน พิเศษ" ทุกอย่างมันไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้น

ใช่ก็ไม่ใช่ จะไม่ใช่ก็ใช่

ไม่อยากเออออไปเอง ว่าเขามีใจให้. . . ว่าเขาสนใจ


เพราะเขายังทำ แบบนี้กับอีก 10 คนอื่นๆ ไม่ได้แตกต่างจากเราเลย

เขาผิด. . . แล้วผิดเพราะอะไรล่ะ ไม่รู้เหมือนกัน?

ส่วนเราผิด. . . ที่มาคิดเกินเลยกว่าคำว่าเพื่อน

ผิด. . . ที่ไม่ยอมห้ามตัวเอง. . . ไม่รู้เหมือนกันเพราะอะไร


บอก ตามตรงว่า . . เสียศูนย์มาก

เรียกว่าเสียการทรงตัวไปเลยล่ะ ณ ชั่วโมงนี้

คิดไม่ออก บอกไม่ถูก และไม่มีอะไรจะพูดเลยแม้แต่คำเดียว

มัน ตื้อๆๆ ตึ๊บๆๆยังไงบอกไม่ถูก เหมือนโดยไม้หน้าสามตีหัว

สุดท้าย มันเลย กลัว. . . แต่ไม่รู้ว่ากลัวอะไรเหมือนกัน

 
และ แล้ว. . . วันนั้นก็มาถึง

วันที่เราเจ็บสุดๆ กับคนที่เราแอบหลงรัก และคิดว่าเขารักเราด้วย

เขาพาใครมาแนะนำให้เรารู้จัก และบอกกับเราว่า… "นี่ คือแฟนเรา"

ตอนนั้น. . . ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน

ที่คิดว่า เขามีใจให้เรา. . .มันกลับไม่ใช่

เราได้แต่ถามตัวเองว่า . . .

"ทำไม เขาไม่เลือกเรา"

"ทำไมเขาไม่รักเรา"

"ทำไมเขาทิ้ง เราไปง่ายจัง"

"ทำไมความรักของเรา มันไม่มีค่าอะไรเลยเหรอ"

"ตลอด เวลาที่ผ่านมา ทำไมเขาต้องทำดี และเหมือนมีใจให้เรา"


. . . และ ทำไมทำไมทำไม อีกนับล้านที่มันวิ่งไปมาจนแทบจะบ้า

จนสุดท้ายมันก็ยังไม่ ได้คำตอบ . . .

และมันยังคงเป็นคำถามที่ค้างคาใจ กับฉันจนกระทั่งทุกวันนี้…

♣ ถ้าไม่มีเทอ ฉันจะทำยังไง ♣


หากฟ้ากำหนดเเล้ว

ให้ เธออยุ่ ..ข้างๆกัน

ถ้าเลือกเเล้วให้เทอผูกพัน

วันนี้ฉันเเค่ขอรักเธอ..หมดใจ

เทอรุ้มั้ยว่า รักของฉัน...มากเท่าไหร่

มันคงยาก..หากพูดทั้งหมดใจ

เพราะทั้งหมดใน หัวใจ

มันมากมาย..

ไม่รุ้กี่วันที่ ฉันคิดถึง

กี่คืนที่คนๆหนึ่งฝันหา

กี่ครั้งที่หยดน้ำตา..

ไหลมา เพราะหวั่นใจ

รุมั้ยเวลา ..ที่ท้อเเท้

เหลือเพียงเเต่ฉัน..กับความเหงา

เรียกหาเทอไม่มี..เเม้ เพียงเงา

กลัววันเก่าๆจะหายไป

ฉันรุ้..เทอมี อะไรต้องทำในชีวิต

มากกว่าการ..คิดถึงฉัน

มากกว่าจะมาใส่ใจมากมายกัน เเละกัน

เพราะชีวิตเทอไม่ได้มีเเค่ฉัน..คนเดียว

รู้ว่า ทางวันนี้มีมากมาย

หลายความหมายที่ควรเก็บ

หลายเหตุผลที่ต้องทำให้ สำเร็จ

เพราะชีวิตต้องเก็บเกี่ยว..หลายประสบการณ์

 
ฉันรู้..รู้เเค่ ว่า

"รักเธอมาก"

ฉันไม่อาจลืมเทอได้ในวันนั้น

หากวันหนึ่งต้องเสีย เทอไปในสักวัน

ฉันคงจะขาดใจ...

เพราะเธอคือ ...ออกซิเจน..

เป็นยิ่งกว่าทุกความหมาย

เป็นคนเดียวที่ให้ได้มากมาย

เเม้จ ะเป็นเเค่ผู้ชายธรรมดา..

เพราะเธอให้กันมาก

ใจเลย..อดคิดไม่ได้

หากวันหนึ่งฉันต้องเสียคนที่ฉันเรียก ว่า "เจ้าชาย"
 
************************************

ทุกข์เพราะ คนรักหนีจากไป (2)


                                     


“ทุกข์ สัจจะ” ได้แก่

1. ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย เป็นทุกข์

2. ความประสบกับสิ่งไม่เป็นที่ชอบใจ ก็เป็นทุกข์

3. ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รักที่พอใจ ก็เป็นทุกข์

4. ความผิดหวัง ไม่ได้รับสิ่งที่ต้องการ ก็เป็นทุกข์


สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความจริงของชีวิต

เราจึงควรยอมรับความจริงเหล่านี้

ไม่มีชาวโลกคนใดจะหนีพ้นได้

ปัญหาคุณโยมกับภรรยานั้น ถ้าพูดถึงความถูกผิดแล้ว

ต่างก็ผิดเหมือนกัน ถูกผิดเท่ากัน

ดังนี้ ต่างคนควรหาข้อเสียของตัวเอง

สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ก็เป็นความพอดีกับการกระทำที่แต่ละคนได้ทำมา

ถ้าผิดฝ่ายเดียว ปัญหาคงไม่เกิด

เหมือนกับตบมือข้างเดียว เสียงย่อมไม่ดัง
 




ดัง นั้น สิ่งที่ควรปฏิบัติ คือ


ประการที่หนึ่ง ทำความรู้สึกปล่อยวาง เพื่อให้ใจสงบ

ประการที่สอง เจริญเมตตา พยายามส่งกระแสใจที่เป็นความปรารถนาดี เป็นความรักที่บริสุทธิ์ให้แก่ภรรยา อาจใช้วิธีนึกเห็นมโนภาพ เห็นหน้าเห็นตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใจของเขา ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนกับใคร ขอให้เขามีความสุข ให้พยายามเจริญเมตตา คิดดี พูดดี ทำดี ทั้งแก่ตัวเราเองและแก่ภรรยา ผลก็คือ ตัวเราก็จะเกิดความสุขด้วย

ประการที่สาม ถ้าพูดในระยะยาวถึงเรื่องภพชาติแล้ว คุณโยมและภรรยาคงเคยผูกพันกันมาตั้งแต่อดีตชาติ จึงเป็นเหตุให้ชาตินี้ได้เป็นสามีภรรยากัน และต่อไปในชาติหน้าก็อาจจะได้ใช้ชีวิตร่วมกันอีก

ถ้าคุณโยมไม่แก้ปัญหาให้เกิดความเข้าใจกัน

ไม่ได้ให้อภัยและอโหสิกรรมให้แก่กันในชาตินี้

ชาตินี้เป็นอยู่อย่างไร ชาติหน้าก็จะเป็นเหมือนกับที่เป็นอยู่ในชาตินี้เช่นกัน


ใครได้เปรียบในชาตินี้ ชาติหน้าก็จะเสียเปรียบ

ใครเสียเปรียบในชาตินี้ ชาติหน้าก็จะได้เปรียบ

เรื่องกรรมก็เป็นเช่นนี้

ใครฆ่าเราในชาตินี้ ชาติหน้าเราก็ฆ่าเขา

ถ้า ชาตินี้เขาทอดทิ้งเรา ชาติหน้าเราก็ทอดทิ้งเขา

ถ้าชาตินี้ใครนอกใจเรา ชาติหน้าเขาก็จะถูกนอกใจเช่นกัน

เรื่องที่คุณโยมประสบอยู่ในขณะนี้

ชาติก่อนคุณโยมอาจเป็นฝ่ายทำเขาก่อนก็เป็นได้
 
 
ดังนั้น ถ้าเรามองจากทั้ง 2 ฝ่ายในระยะยาวแล้ว


ต่างคนจึงต่างเป็นผู้ผิด

เหมือนไก่กับไข่ ซึ่งไม่มีเงื่อนงำว่าอะไรเกิดก่อนกัน

ในเรื่องนี้ก็ไม่สามารถตัดสินได้ว่าใครผิดก่อนกัน

เมื่อเราเข้าใจ เช่นนี้แล้ว พิจารณาดูจะเห็นว่า

สิ่งที่เป็นอยู่ในขณะนี้เป็นสิ่งที่น่ากลัว

เพราะถ้ายังอยู่ในสภาพนี้ ชาติต่อๆ ไป ก็จะเป็นเช่นนี้เรื่อยไป

ทำให้ต้องทุกข์ต่อไปหลายภพหลายชาติ

ผู้ที่ไม่ประมาทจึงควรแก้ปัญหาในชาตินี้

ดังนั้น สิ่งที่เราทำได้ คือคิดแก้ปัญหาที่ตัวเราก่อน แก้ที่ใจเรา

สิ่ง ที่ควรปฏิบัติ คือ

(1) ยอมรับความจริงดังกล่าว

(2) ปล่อยวางอดีต ให้เหมือนกับไม่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น

(3) ให้อภัย เจริญเมตตา ไม่ถือโกรธ ไม่อาฆาตพยาบาทเขา

(4) ทำใจเราให้สงบ

เมื่อทำได้ เช่นนี้จริงๆ เราจะอยู่ด้วยกันในชาตินี้ก็ดี ชาติหน้าก็ดี

ก็อยู่ด้วยกันอย่างปกติสุขได้

การคืนดีกันในชาตินี้ จะได้หรือไม่ ไม่ควรถือว่าสำคัญ

ขอให้เรามีจิตใจที่จะคืนดีแก่เขาอยู่ในตัวเราก่อน

ปฏิบัติตนเป็นคนดี คิดดี พูดดี ทำดี

จนเขารู้จัก เข้าใจ และเห็นใจเรา

และควรจะปฏิบัติให้มีการอโหสิกรรมแก่เขา

ซึ่งก็เหมือนช่วยตัวเองด้วย อย่างน้อยเราก็จะมีชีวิตที่เป็นสุขได้

ในเรื่องภรรยาและลูกก็ไม่ต้องห่วงอะไรมากนัก

ขณะนี้เราอาจจะมีความรู้สึกว่าเขาหนีจากเราไป

ถ้าลองเปลี่ยนความคิดดู “พลิกนิดเดียว”

ลองคิดว่า เราจะหนีจากเขาบ้าง

ลองมาบวชดูชั่วคราว

หรือจะบวชตลอดไปก็ได้ ถ้ามีความสุข

เพราะความสุขความสบายจากการอยู่คนเดียวก็มีเหมือนกัน

อย่างที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ว่า

“การ ไม่มีภรรยา เป็นลาภอันประเสริฐ”

ถึงจะอยู่คนเดียว ก็พยายามอยู่ให้มีความสุข

เขาจะกลับมาก็ได้ ไม่กลับมาก็ได้

สุดท้ายนี้ ขอให้คุณโยมพิจารณาให้ดีๆ

ปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักพุทธธรรม สมเหตุ สมผล

และขอให้บรรเทาทุกข์ พ้นทุกข์โดยเร็วๆ นี้

ขอให้มีความสุขยิ่งๆ ขึ้นไป..... เจริญพร


ขอ ขอบคุณภาพ เนื้อหาข่าว โดย: พระอาจารย์มิตซูโอะ

ทุกข์เพราะ คนรักหนีจากไป

สามี ภรรยาคู่หนึ่งรักใคร่กันดี


แต่พอประสบปัญหา เศรษฐกิจไม่ดี ก็เริ่มมีปากเสียงกันและมากขึ้นๆ จนภรรยาทนไม่ได้ขอกลับไปอยู่กับแม่ ต่อมาเมื่อสามีได้อ่านหนังสือ “ทุกข์เพราะคิดผิด” ก็ได้คิดสำนึกรู้ตัวว่าตัวเองก็ผิดมากเพราะใช้อารมณ์และบ่นมากไป จึงไปเจรจาขอให้ภรรยากลับบ้าน แต่ภรรยาไม่ยินยอม คงพูดถึงเรื่องเก่าๆ ด้วยความเจ็บใจ สามีก็เป็นทุกข์เพราะทั้งห่วงและหวงภรรยา จึงมีจดหมายมาปรับทุกข์กับพระอาจารย์

พระ อาจารย์สอนว่า

อาตมาได้รับ จดหมายจากคุณโยมแล้ว รู้สึกว่าเห็นใจคุณโยมเหมือนกัน แต่ว่าคุณโยมก็ควรพิจารณาให้เข้าใจ และยอมรับความจริงของชีวิต คุณโยมคงจะรู้สึกเป็นทุกข์และคิดว่าตัวเองเป็นคนที่โชคร้ายมากคนเดียวในโลก แต่ความจริงแล้ว สิ่งที่คุณโยมกำลังประสบอยู่ก็เป็นธรรมดาของมนุษย์ทุกชีวิต ไม่มากก็น้อย ไม่ปัจจุบันก็ในอนาคต ไม่วันใดก็วันหนึ่ง

ความรู้สึกผิดหวัง ไม่สมปรารถนา เสื่อมลาภ ทุกข์ เป็นโลกธรรมฝ่ายที่ให้โทษ

แต่ทุกคนก็ล้วนต้องประสบ ถ้าเราศึกษาพุทธประวัติ จะพบว่าแม้แต่พระพุทธองค์เองก็ประสบเหมือนกัน เมื่อครั้งพระพุทธองค์เสด็จหนีออกจากวังไปบวชเพื่อแสวงหาความพ้นทุกข์ เพื่อช่วยตนเองและผู้อื่นนั้น แม้ว่าเป็นเจตนาที่ดีก็ตาม แต่เมื่อดูความรู้สึกของพระบิดา พระมเหสี พระโอรส และพระญาติของพระองค์ ก็คงมีความรู้สึกเหมือนคุณโยมในปัจจุบันนี้เช่นกัน
นอกจาก นั้น


ลูกศิษย์ของพระองค์เองคือ พระเทวทัต ก็ได้พยายามฆ่าพระองค์อยู่หลายครั้ง และมีช่วงหนึ่งพระราชาผู้ซึ่งเป็นโยมอุปฐากของพระพุทธองค์มีเหตุให้ต้องยก กองทัพไป ฆ่าพระญาติของพระองค์ทั้งหมด พระพุทธองค์ได้ทรงห้ามถึง 3 ครั้ง จนถึงครั้งที่ 4 พระองค์ทรงพิจารณาแล้วว่าเป็นกรรม ไม่สามารถห้ามได้ เป็นเหตุให้ราชวงศ์ศากยะถูกฆ่าหมด พระพุทธองค์หมดสิ้นพระญาติตั้งแต่บัดนั้น และครั้งหนึ่งพระองค์เสื่อมเอกลาภถึงขนาดที่ทั้งพระองค์และหมู่ภิกษุต้อง ฉันอาหารที่ใช้เลี้ยงม้าตลอดทั้งพรรษา

ใน บางพรรษา ลูกศิษย์ของพระพุทธองค์มีเรื่องขัดแย้งถึงแตกสามัคคีกัน

พระองค์ ทรงห้ามอย่างไรก็ไม่เชื่อฟัง พระองค์จึงเสด็จหนีไปจำพรรษาอยู่ในป่าตามลำพัง อีกครั้งหนึ่งที่โลกธรรมฝ่ายที่เป็นโทษเกิดแก่พระพุทธเจ้า คือเมื่อ พระองค์ถูกชาวเมืองนินทาว่าร้าย เพราะถูกนักบวชนอกศาสนาใส่ความว่า พระองค์ทำให้อุบาสิกาตั้งท้อง

ให้คุณโยมน้อมพิจารณาดู แม้แต่พระพุทธองค์ผู้ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นมหาบุรุษของโลก ชีวิตของพระองค์ก็ไม่ราบรื่นเช่นกัน พระพุทธองค์ก็ได้ตรัสสอนว่า “ชีวิตเป็นทุกข์”

ขอ ขอบคุณภาพ เนื้อหาข่าว โดย: พระอาจารย์มิตซูโอะ
 
*********************************************

นอกใจ แค่คิดก็ผิดแล้ว

คุณคงเคยอ่านบทความตามนิยสารที่มีหัว ข้อทำนองว่า "วิธีจับผิดคนรักนอกใจ" ซึ่งคุณจะสามารถเปิดโปงพฤติกรรมของเขาได้อย่างชัดเจน

แต่ คุณรู้ไหมว่า

ชายหนุ่มของคุณ อาจนอกใจคุณได้ในขณะนี้ ทั้งที่อยู่ที่ทำงาน ความจริงแล้วคุณเองก็นอกใจเขาได้เช่นกัน โดยไม่รู้ตัวด้วย การนอกใจไม่จำเป็นต้องแอบพบกันลับๆ แต่เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ทางเพศพฤติกรรมนี้ทำลายชีวิตคู่ของคุณได้

ผู้ต้องสงสัย

ขอ ให้เข้าใจถูกต้องว่าการเผลใจก็มีผลเสียเท่าๆกับการมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่น การนอกใจคือเมื่อคุณทุ่มเทใจส่วนใหญ่ให้คนอื่นที่ไม่ใช่คู่ของตน ถ้าใครสักคนสนุกสนานแลทุมเทให้กับการถกเถียงทางความคิดกับเพื่อนร่วมงาน จนเมื่อกลับถึงบ้านและคนรักอยากพูดคุยด้วย แต่เขาหรือเธอคนนั้นกลับใจลอยนึกถึงเพื่อนร่วมงานและสิ่งที่คุยกัน เขาคงไม่รู้ว่าตัวเองกกำลังขโมยความเอาใจใส่รักใคร่ใยดีที่เป็นสิ่งสำคัญ ออกจากชีวิตคู่
คุณคงเคยอ่านบทความตามนิยสารที่มีหัว ข้อทำนองว่า "วิธีจับผิดคนรักนอกใจ" ซึ่งคุณจะสามารถเปิดโปงพฤติกรรมของเขาได้อย่างชัดเจน

แต่ คุณรู้ไหมว่า

ชายหนุ่มของคุณ อาจนอกใจคุณได้ในขณะนี้ ทั้งที่อยู่ที่ทำงาน ความจริงแล้วคุณเองก็นอกใจเขาได้เช่นกัน โดยไม่รู้ตัวด้วย การนอกใจไม่จำเป็นต้องแอบพบกันลับๆ แต่เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ทางเพศพฤติกรรมนี้ทำลายชีวิตคู่ของคุณได้

ผู้ต้องสงสัย

ขอ ให้เข้าใจถูกต้องว่าการเผลใจก็มีผลเสียเท่าๆกับการมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่น การนอกใจคือเมื่อคุณทุ่มเทใจส่วนใหญ่ให้คนอื่นที่ไม่ใช่คู่ของตน ถ้าใครสักคนสนุกสนานแลทุมเทให้กับการถกเถียงทางความคิดกับเพื่อนร่วมงาน จนเมื่อกลับถึงบ้านและคนรักอยากพูดคุยด้วย แต่เขาหรือเธอคนนั้นกลับใจลอยนึกถึงเพื่อนร่วมงานและสิ่งที่คุยกัน เขาคงไม่รู้ว่าตัวเองกกำลังขโมยความเอาใจใส่รักใคร่ใยดีที่เป็นสิ่งสำคัญ ออกจากชีวิตคู่
โอกาส เป็นใจ


อย่า หลงคิดไปว่าการผูกพันด้านอื่นโดยไม่มีเซ็กซ์เกี่ยวข้องนั้นคือเป็นเรื่อง ปลอดภัย ความสนิทสนมลึกซึ้งไม่ว่าในรูปแบบใดกับบุคคลที่สาม ซึ่งเป็นการทรยศความไว้ใจระหว่างคู่รักถือเป็นการนอกใจทั้งสิ้น เป็นเรื่องง่ายจนน่ากลัวที่เราจะเผลอไฟลสร้างมิตรภาพที่สนิทเกินเหตุสัก หน่อย โดยเฉพาะเมื่อคุณต่างมีความสัมพันธ์ "มั่น คง ปลอดภัย" กับคนอื่นอยู่ จากสภาพที่เราทำงานร่วมกับเพศตรงข้ามมากมาย และแทบไม่มีขอบเขตจำกัดในโลกอินเตอร์เน็ต ย่อมแสดงว่าเรามีโอกาสเหลือเฟือที่จะเป็นชู้ทางใจ

สัญญาณอันตราย

บ่อย ครั้งคนที่นอกใจไม่สามารถปิดบังพฤติกรรมของตัวเองได้ เพราะในสายตาของพวกเขา ไม่ใช่การทรยศนอกใจใคร เป็นเรื่องธรรมที่คู่รักจะมีชีวิตสังคมยุ่งเกี่ยวกับคนอื่น แน่นอนในฐานะเพื่อน ดังนั้นอยู่ในฐานะเพื่อนร่วมดื่มทุกคืน คุณอาจสมควรสงสัยบ้าง คนที่เป็นชู้ทางใจอาจอ้างว่าพวกเขาบริสุทธิ์

แต่แท้จริงแล้วมันขึ้นอยู่กับคู่ของเขาที่จะตัดสินว่าพวก เขารู้สึกถุฏทรยศ หรือเปล่า

พฤติกรรมปิดบังทุกรณี ที่ทำให้คู่ของตนเกิดความหึงหวงถือเป็นการนอกใจทั้ง นั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร โดยทั่วไปแล้วมักคิดว่าผู้หญิงจะเจ็บปวดกับการที่คนรักปันใจให้หญิงอื่น ยิ่งกว่าการที่เขามีเซ็กซ์กับหญิงอื่นเสียอีก ส่วนผู้ชายจะเจ็บปวดกว่าถ้ารู้ว่าแฟนตัวเองมอบกายให้ชายอื่น อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องยากที่จะปลอบใจคู่รักที่มีปัญหาเรื่องคนรักปันใจ ถึงยังไงก็ต้องมีความรู้สึกว่าตนถูกทอดทิ้ง

ยั้ง ใจก่อนสายเกิน


แม้ ว่าการเผลอใจไม่ได้จบที่เตียงเสมอไป ประมาณ 60% ทีเดียวที่จะกลายเป็นความสัมพันธ์ทางเพศ ไม่ใช่ข่าวดีนัก แต่ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่มีแนวโน้มจะเป็นเช่นนั้น ก็ยังมีทางยับยั้งใจและรักษาชีวิตคู่เอาไว้ ตราบใดที่คุณยังมีสติและมุ่งมั่น

แต่ ความซื่อสัตย์ที่โหดร้าย

ก็จำเป็นถ้าต้องการ xxx้ชีวิต คู่กลับคืนมา จริงอยู่ว่าไม่มีใครอยากได้ยินข้อความหวานๆ ในจดหมายพวกนั้น แต่คนที่นอกใจต้องตัดสินใจว่าความต้องการของตนและคนรักจะพบกันครึ่งทางได้ ไหมในการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน

กัน ไว้ดีกว่าแก้

สิ่ง ที่เรามักจะไม่เข้าใจคือชีวิตคู่ไม่ได้ดำเนินไปด้วยตัวมันเอง แต่เราต้องทุ่มเทดูแลมัน คนเราหมดรักใคร่กันได้เร็ว คนใหม่อาจดูน่าตื่นเต้นกว่าคนที่เราเห็นหน้าทุกวัน วิธีป้องกันคือเติบโดตไปพร้อมกัน ด้วยการไปดูคอนเสิร์ตด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน สังคมสอนเราว่าจะประสบความสำเร็จในอาชีพการงานก็ต้องลงแรง แต่เราไม่ได้นำแนวคิดนั้นมาใช้กับชีวิตคู่เลย คนเรา มักคิดว่าถ้ามันไม่ราบรื่นด้วยตัวมันเอง ก็หมายความว่าไปกันไม่ได้ ชีวิตคู่ต้องการความทุ่มเท แต่มันเป็นแรงงานที่เต็มไปด้วยรัก

ไม่มี ใครสามารถล็อคตัวคนรักไว้ได้ ถ้าเขาหรือเธออยากนอกใจ ไม่ว่าจะในที่ทำงานหรือแก้ผ้าในปาร์ตี้บ้าระห่ำ เขาก็จะทำอยู่ดี วิธีป้องกันอย่างเดียวคือพยายามสร้างสัมพันธ์ทางใจกับคนรักอย่างต่อเนื่อง
 
 
************************************
Web Hosting




อย่าเรียก ร้อง...จากความรัก

อย่าเรียกร้อง...จากความรัก



เมื่อเราเริ่มต้นมีความรัก . .

ทุกอย่างมัน ก็เหมือนกับถูกกำหนดปลายทางเอาไว้แล้วโดยคน 2 คน . .

ซึ่งไม่มีใครล่วง รู้หรอกว่า มันจะสั้นจะยาวแค่ไหน

แต่ถ้าเป็นไปได้ เราก็คาดหวังว่า

... อยากให้ปลายทางหรือจุดสิ้นสุดนั้นยืนยาว

ไปจนถึงวันที่ใครคนหนึ่งได้ตาย จากไป . .

บางคนโชคดี ที่ความคาดหวังกับความจริง เป็นเรื่องเดียวกัน

แต่สำหรับบางคนไม่ได้ เป็นเช่นนั้น

แต่นั่น . .ก็ไม่ได้หมายความว่า . .

ความรักของคุณหมด ฤดูกาลแล้วเสียเมื่อไหร่

ฉันรู้ว่า . . มันไม่ใช่ เรื่องง่ายนัก ที่จะทำใจยอมรับความจริงอันโหดร้ายที่ผ่านมา

แต่ถ้าเราไม่สามารถหันหลังให้อดีต เพื่อมองปัจจุบัน . .

เรา ก็จะเป็นคนที่จมอยู่กับอดีตที่มืดมัวไปตลอดไม่ยอมไปไหน . .

ชีวิตยัง ต้องเดินหน้าต่อไป

เราไม่อาจ กำหนดได้ว่า หลังจากนี้ต่อไป ชีวิตเราจะเป็นอย่างไร

เหมือนกับที่เราก็ ไม่รู้หรอกว่า หลังจากความรักครั้งแรกได้ผ่านพ้นไป . .

อีกนานไหม? ความรักครั้งใหม่จะเดินทางเข้ามา

แต่ก็ไม่อยากให้คุณสิ้นหวัง . .

เพราะบางทีก็อาจที่เป็นไปได้เหมือนกัน .. .ที่โชคชะตาของเรา อาจได้ถูกกำหนดมาแล้ว

ให้เราต้องผิดหวังกับคนๆ หนึ่ง เพื่อมาเจอกับใครอีกคนหนึ่ง

ที่เขาอาจกลายเป็น "รั ก แ ท้" ของคุณก็ได้ . .ใครจะรู้

ไม่ได้ต้องการจะบอกกับคุณว่า . .

ให้นั่งรอคอยความรัก แบบเป็นบ้าเป็นหลัง

เพราะความรักที่สมบูรณ์มั่นคงแข็งแรงนั้น . .

ควรเกิดขึ้นจาก "ตั ว เ อ ง" มากกว่าการเรียกร้องจาก " ค น อี ก ค น "

สิ่งที่อยากบอกคุณก็คือ "ทุกสิ่งในชีวิต . . เป็นเรื่องมหัศจรรย์ได้ทั้งนั้น"


************************************

♣ ตัวไกลใจห่างรักกันได้ไหม ?? ♣


คุณมีหวานใจไทยแลนด์อยู่ไกลตา แต่ใกล้ใจรึเปล่าจ๊ะ? เคยได้ยินใครก็ไม่รุ พูดซะหวาดเสียวว่า รักระยะไกล ระวังจะเกิดอาการรักแท้แพ้ใกล้ชิดเอานะ เพราะยิ่งไกลกันมากเท่าไหร่ ต่างฝ่ายต่างก็มีโอกาสที่จะนอกใจกันง่าย เข้าทำนองแมวไม่อยู่หนูร่าเริงนั่นแหละ


ลองสังเกตดูลักษณะของคู่รักที่อยู่ไกล ถ้าไม่เป็นแฟน ก็คงแต่งงานกันเสร็จสมอารมณ์หมายไปแล้ว ส่วนสาเหตุที่ทำให้ห่างกันนั้น ถ้าไม่ไปศึกษาต่อก็ถูกส่งไปทำงาน แล้วแต่เงื่อนไขของใครของมัน ดังนั้น ถ้าอยากรักษาความสัมพันธ์ให้มั่นคงยืนยงต่อไปละก็

ในเคล็ดลับสำหรับประคับประคอง ให้รักห่างไกลประสบความสำเร็จ (Secrets of Successful Long-Distance) อาจช่วยให้รักของคุณยั่งยืนได้ แต่ก่อนอื่น ขอคุยถึง ปัญหาที่เกิดจากการอยู่กันไกลตา ไกลตัวและไกลใจ ก่อนเหอะ เช่น....

1. พออยู่ไกลกัน จึงเป็นเหตุให้ต่างฝ่ายต่างไม่รู้จักกันอย่างแท้จริงอีกต่อไปก็ได้ เพราะความคิดของคนเรามันหยุดนิ่งอยู่กะที่เมื่อไหร่ล่ะ วันนี้อาจรักมาก แต่อีกวันเปลี่ยนแล้ว แถมที่เปลี่ยนยังมีทั้งรักน้อยลงหรือมากขึ้น (รักสม่ำเสมอก็มี แต่โหเป็นข้อยกเว้นที่มีอยู่น้อยนิดซะเหลือเกิน) แต่ที่แน่ๆ พอไกลตัว แถมถ้าไกลนานๆด้วยแล้วละก็ ยิ่งทำให้รู้สึกว่ารู้จักคู่รักของตัวน้อยลง ตามระยะทางและระยะเวลา ว่าไหมล่ะ

2. ช่วงที่อยู่ห่างกัน เปิดช่องให้มีการตอแหลกันได้ง่าย
ถ้าเกิดระหองระแหงกันขึ้น เช่น แว่วว่าเขาไปอี๋อ๋อกับใครที่อยู่ใกล้เขามากกว่าเรา แต่พอถามดิ เขา ก็สามารถตอบเลี่ยงๆได้ว่าไม่จริง ซึ่งจริงไม่จริง ไม่รู้ล่ะ ลองจับไม่ได้คาหนังคาเขาเรื่องไรใครจะยอมรับความจริง คุณซึ่งอยู่ทางนี้ก็ไม่มีทางจะจับได้ไล่ทันเขาหรอก

หรือถ้าเขาเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันไป เช่น เคยโทรศัพท์มาหาทุกวัน เอ๊ะแต่ หลังๆทำไมเขาถึงโทร.มาแค่ สัปดาห์ละครั้ง หรือดีหน่อยก็ 3-4 วันครั้งล่ะ ถ้าคุณถามเรื่องนี้ขึ้นมา เขาก็อ้างได้อีกแหละว่ากำลังเรียนหนัก หรือมีงานเยอะ แล้วจะมัวห่วงแต่โทรศัพท์ก็ไม่ได้ จริงมะ ถ้าเหตุการณ์ออกมาแบบนี้ คุณก็มักจะยอมๆเขาไปก่อน เพราะคุณเองก็คงไม่อยากให้เขาเสียการเรียน หรือเสียเรื่องงานเพราะคุณเหมือนกัน

3. บางคู่มักหลีกเลี่ยงที่จะมีปัญหาต่อกัน จึงทำให้ต่างฝ่ายต่างไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของกันและกัน เป็นงั้นไป ของแบบนี้ไม่รู้เป็นไงนะ ถ้าไม่ค่อยเจอกันจะไม่ค่อยอยากทำให้ผิดใจ (กรณีที่เพิ่งเป็นแฟน)

ฉะนั้น ขืนมีเรื่องมีราวขึ้นมาก็จะยอมๆหรือไม่พยายามขัดแย้งกันจริงจัง แถมคุยทางโทรศัพท์ก็ได้ไม่นาน เพราะค่าโทรศัพท์ไปต่างประเทศมันถูกซะที่ไหนล่ะ ทำให้ต่างคนต่างคิดว่า เดี๋ยวสิ่งที่ขัดเคืองใจก็จะเงียบหายไปเอง เลยไม่รู้ว่าที่จริงยังมีเรื่องที่เห็นไม่ตรงกันอยู่นะ แต่เก็บไว้ เพราะไม่อยากทำลายน้ำใจกันนั่นเอง

เหตุนี้ถ้าเพิ่งรักกันและอยู่ไกลกัน จะเท่ากับเป็นการสร้างภาพให้อีกฝ่ายพอใจมากกว่า จะแสดงความรู้สึกนึกคิดที่แท้จริงออกมาน่ะเซ่ แต่ก็อีก ถ้าฝ่ายใดมีแนวโน้มอยากปันใจหรือตี จากไปมีรักใหม่อยู่แล้ว ก็ยิ่งทำได้ง่ายยิ่งขึ้น เพราะความผูกพันมันน้อยลงไง แถมยิ่งไม่เห็นหน้ากันแบบนี้ก็ยิ่งพูดตัดสวาท กันง่ายกว่าเผชิญหน้าซะอีก

ดังนั้น การมีรักทางไกลจึงไม่ใช่ของกล้วยๆ กระนั้นไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกล ถ้าประคับประคองความรักได้ไม่ดี ย่อมสร้างปัญหาให้คู่รักปวดเฮดและน้ำตาตกทั้งนั้นแหละ อ้าวถ้าไม่เชื่อ ยกตัวอย่างบางคู่ขนาดนอนเตียงเดียวกัน ใกล้ชิดกันแท้ๆ แต่ยังหนีไปมีอีหนูได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับตัวไกลกันล่ะ

ฉะนั้น ถ้าอยากเกี่ยวดองเชิงสร้างสรรค์กันต่อไปแม้อยู่ไกลสุดหล้าฟ้าดิน ควรทำงี้สิ

• รักษาความสม่ำเสมอในการสื่อสารไว้ให้ได้ ถ้าโทรศัพท์หากันทุกวันแล้วมันเปลืองสตุ้งสตางค์ ควรตกลงกันใหม่ดีไหมว่า จะโทร.หากันสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์ ส่วนวันธรรมดาจะได้ไปเรียนหนังสือหรือไปทำงานแบบไม่พะวักพะวง

แล้วหากใช้การโทรศัพท์คุยกันไม่สะดวกปาก เพราะมีมารคอหอย... เอ้ย สภาพแวดล้อมไม่อำนวยให้จี๋จ๋ากันอย่างสะดวกสบายละก็ งั้นใช้วิธีอีเมล์ส่งตรงถึงกัน หรือไม่ก็นัดเวลามาแชตกันซะเลยสิ้นเรื่อง จะได้หยอดคำหวานหรือจะอ้อนกันสุดฤทธิ์สุดเดช แค่ไหนก็ทำได้ ไม่อายสายตาชาวบ้าน

• ถามไถ่ถึงสารทุกข์สุกดิบของกันและกัน อย่าลืมซะล่ะ ทำให้อีกฝ่าย (คนที่อยู่ไกล) รู้สึกว่าสามารถพูดคุยอย่างเปิดอกกับคุณได้ทุกเรื่อง และคุณก็รับฟังเขาอย่างจริงใจ เชื่อดิ จะยิ่งทำให้อีกฝ่ายมองว่าคุณคือที่พึ่งทางใจและเป็นคนที่ดีกับเขา ตลอดเวลา....แบบว่าขอเก็บคะแนนชื่นชมจากแฟนตุนไว้ก่อนละกัน

• มีความไว้ใจกันให้มาก ความกังวลที่เกิดจากความคิดที่ว่าเขาจะเป็นอย่างไร จะเปลี่ยนใจไปมีใหม่ไหม? ถือเป็นความกังวลที่ไม่มีประโยชน์ ความไว้วางใจจะช่วยให้ความสัมพันธ์ทางไกลไม่ตึงเครียด แต่ถ้าเขาส่อแววไม่น่าไว้วางใจก็ต้องคุยกันยาวหน่อยล่ะ

• อย่าปกปิดปัญหาที่มีต่อกัน การคุยกันอย่างเปิดเผยย่อมช่วยให้เข้าใจถึงปัญหา ที่แต่ละฝ่ายประสบอยู่ หนำซ้ำการเรียนรู้ที่จะยอมรับปัญหาของกันและกัน จะยิ่งช่วยให้ความสัมพันธ์มั่นคงขึ้น

• ข้อสำคัญ พยายามเป็นตัวของตัวเองเข้าไว้ แทนที่จะเอาใจอีกฝ่ายด้วยการเอาใจเกินเหตุหรือถึงกับเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไปในทางที่ไม่ใช่ธรรมชาติที่แท้จริงของคุณ อย่าทำเชียว ไม่งั้นสักวันเดี๋ยวหลุดความเป็นตัวตนที่แท้จริงออกมาก็เสร็จเลย ดังนั้น ถ้าอยากพูดอะไรที่อัดอั้นตันใจก็หาทางคุยซะ ถ้ารักกันมั่นคงซะอย่าง ระยะทางก็ทำอะไรไม่ได้

อ้อ อยากคุยถึง ข้อดีของความรัก สักหน่อย เผื่อใครลังเลก็อย่าได้รีรอ เพราะความรักทำให้...



1. คนที่มีความรักจะดูแลตนเองมากขึ้น นอกจากจะดูแลรูปลักษณ์แล้ว ยังขยันออกกำลังกาย ด้วยการไปมาหาสู่กัน แถมอยากมีชีวิตอยู่กับคนที่เรารักนานๆซะด้วย


2. ความรักทำให้อิ่มอกอิ่มใจ จนไม่ค่อยหิว ว่างั้นเถอะ

3. ความรักทำให้สดชื่น มีพลังและมองโลกในแง่ดี โลกงี้เป็นสีชมพูหวานแหววเชียว


4. ความรักทำให้คนเราอยากแสดงออกด้วยการออเซาะ ฉอเลาะ, ใกล้ชิด รวมทั้งอยากร่วมรัก ให้ ซาบซ่าเสียวซ่าน จนไม่อยากลืมความรู้สึกนี้เชียวนะตัว.

วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ความแตก ต่างของคู่ 3 คู่



คู่รัก คู่ขา และคู่แต่ง



คู่รัก : คอยคุณที่หน้าอำเภอ(แต่ง)

คู่ขา : คอยคุณที่หน้าโรงแรม

คู่แต่ง : คอยคุณที่หน้าอำเภอ(หย่า)



คู่ รัก : นัดเจอกันในงานเลี้ยง

คู่ขา : นัดเจอกันหลังงานเลี้ยง

คู่ แต่ง : เธออยู่บ้าน ฉันจะไปงานเลี้ยง



คู่รัก : เปิดหนังโรแมนติก ร้องไห้ด้วยกันตอนจบ

คู่ขา : เปิดหนังเอ๊กซ์ ดูด้วยกันไม่ทันจบ

คู่ แต่ง : ซื้อทีวีรุ่นจอเดียว แยกได้สองช่อง



คู่รัก : ไม่พยายามคิดเรื่องทะเลาะกัน

คู่ขา : ไม่พยายามคิดเรื่องเป็นคู่กัน

คู่แต่ง : พยายามคิดเรื่องเป็นโสด



คู่รัก : สนใจทุกเรื่องร่วมกัน

คู่ขา : สนใจเรื่องเดียวเหมือนกัน

คู่แต่ง : สนใจเงินในบัญชีธนาคารร่วมกัน



คู่รัก : โลกนี้เป็นของเราสองคน


คู่ขา : เรื่องนี้รู้แค่เราสองคน

คู่แต่ง : เรื่องทั้งโลกกลาย เป็นเรื่องระหว่างเราสองคนได้ทั้งนั้น รวมทั้งเรื่องของพ่อตาแม่ยาย และญาติสนิทมิตรสหาย



คู่รัก : โทรศัพท์ถึงคุณเพื่อบอกว่า "รักเธอเหลือเกิน"

คู่ขา : เซ็กซ์โฟน

คู่แต่ง : โทรศัพท์มาเพื่อบอกว่า "กลับดึก ไม่ต้องคอย"



คู่รัก : ทุกครั้งที่เขียนใส่สมุดบันทึก คือ บทกวีหวานกลั่นจากหัวใจ

คู่ขา : ทุกครั้งที่เขียนใส่สมุดบันทึก คือ หมายเลขโทรศัพท์คู่ขาคนใหม่

คู่แต่ง : ทุกครั้งที่เขียน คือ เช็คส่วนบุคคล และบันทึกค่าใช้จ่าย



คู่ รัก : ตาสบกันริมถนน

คู่ ขา : ลิ้นพันกันบนโซฟา

คู่ แต่ง : หลังชนกันบนเตียง



คู่ รัก : แสดงความอาทรให้เขาสังเกต

คู่ ขา : แสดงอาการเมื่อโดนสะกิด

คู่แต่ง : แสดงอารมณ์โดยไม่สะกด



คู่ รัก : กล่าวคำอำลาว่า "รักเธอ"

คู่ขา : กล่าวคำอำลาว่า "อย่าลืมกินยาคุม"

คู่แต่ง : กล่าวคำอำลาว่า "ซักผ้าด้วย"



คู่ รัก : เรียกคุณว่า ที่รักด้วยเสียงอ่อนหวาน

คู่ขา : เรียกคุณว่า ที่รักด้วยเสียงกระเส่า

คู่ แต่ง : เรียกคุณว่า ที่รัก ชงกาแฟแก้ว



คู่รัก : สนใจขนาดนิ้วสวมแหวน

คู่ขา : สนใจขนาดยกทรง

คู่แต่ง : สนใจรอยลิปสติกที่ปกเสื้อ





คู่รัก : เมื่อคุณเล่าเรื่องตลก เขาตั้งใจฟัง และขำกลิ้ง

คู่ขา : เมื่อคุณเล่าเรื่องตลก เขาบอกว่าหยุดเถอะ วันนี้ต้องทำเวลา

คู่แต่ง : เมื่อคุณเล่าเรื่องตลก เขาให้คุณช่วยอธิบายอีกห้านาที พยักหน้าเข้าใจ และก้มหน้าอ่าน หนังสือพิมพ์ต่อ

***************************************

วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

รักแท้-รัก เทียม ดูอย่างไร

ตอนนี้ ทุกคนจะต้องมาช่วยอันฟื้นฟูหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าเอา วันมาฆบูชานี้เป็นตัวอย่างที่เตือนจิตสำนึก

      ถ้าเรา มองวันมาฆบูชาแล้วนึกถึงพระอรหันต์ทั้งหลายที่มาประชุมกันในวันนั้น ด้วยใจมุ่งจะไปทำงานเพื่อประโยชน์สุขแก่ประชาชน วันมาฆบูชาก็เป็นวันแห่งความรักที่แท้ แต่ความรักในที่นี้หมายถึงรักประชาชนและรักประโยชน์สุขของประชาชน คืออยากจะเห็นคนทั้งหลายเป็นสุข


ความ รักในความหมายที่แท้คือ

อยาก เห็นเขาเป็นสุข เหมือนอย่างพ่อแม่รักลูก ก็คืออยากเห็นลูกเป็นสุข แต่ยังมีความรักอีกแบบหนึ่ง คือ ความรักที่อยากได้เขามาทำให้ตัวเป็นสุข อย่างนี้ไม่ใช่รักเขาจริงหรอกเป็นความรักเทียม คือราคะนั่นเอง 



ความ รักมี ๒ ประเภท ทุกคนต้องจำไว้ให้แม่น คือ

๑. ความรักที่อยากได้เขามาทำให้ตัวเราเป็นสุข ความรักแบบนี้ต้องได้ต้องเอา ซึ่งอาจจะทำให้คนอื่นเป็นทุกข์ หรือต้องมีการแย่งชิงกันคนทั่วไปที่มีชีวิตอยู่กับความชอบใจ ไม่ชอบใจ ยังไม่ได้ขัดเกลาจิตใจจะมีความรักประเภทนี้ก่อน แต่เมื่อความเป็นมนุษย์พัฒนาขึ้น ก็จะมีความรักที่แท้จริงในข้อต่อไปมากขึ้น คือ

๒. ความรักที่อยากเห็นเขามีความสุข พออยากเห็นเขาเป็นสุขก็อยากทำให้เขาเป็นสุข พอทำให้เขาเป็นสุขได้ฉันก็เป็นสุขด้วย เหมือนพ่อแม่อยากเห็นลูกมีความสุข พอทำให้ลูกเป็นสุขได้ ตัวเองก็เป็นสุขด้วยจึงเป็นความรักที่พร้อมจะให้และสุขด้วยกัน

ความ รักที่พึงประสงค์ คือความรักประเภทที่ ๒ ซึ่งเป็นความรักที่ได้แก่ ความรักที่อยากให้เขาเป็นสุข เหล่านี้เรามีวันแห่งความรัก แต่ไม่ว่าเป็นรักประเภทไหน รักจะได้เอาเมื่อตนเอง หรือรักอยากให้เขาเป็นสุขก็ไปพิจารณาให้ดี 



สนับสนุน ข้อคิดนานาสาระโดย:  พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)

วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

สร้างกำลัง...ให้ดวงใจ



ถ้าท่านทำตัวแข่งกับสังคม

ทางแห่งความล่มจมกำลังตามมา



ถ้าท่านทำงานเห็นแก่หน้า

ท่านจะพบกับปัญหาเรื่อยไป



ถ้าท่านทำตัวเห็นแก่ได้

ท่านอย่าหวังน้ำใจจากเพื่อนฝูง



ถ้าท่านกลัวจนเกินไป

ท่านจะทำอะไรไม่ได้ความ



ถ้าท่านกล้าจนเกินงาม

ท่านจะพบกับความเดือดร้อน



ถ้าท่านขาดความพอดี

ท่านจะเป็นหนี้เขาตลอดกาล



ถ้าท่านหวังแต่ความสนุก

ท่านจะเป็นทุกข์มหาศาล



ถ้าท่านขาดความยั้งคิด

ชีวิตทั้งชีวิตจะหมดความหมาย



ถ้าท่านทำใจให้สงบ

ท่านจะพบกับความสุขที่แท้จริง


********************************

ลองทำอะไรดี ดี เพื่อตัวเอง

สาสน์จาก ท่าน Dalai Lama ที่ได้กล่าวไว้สำหรับปี 2008นี้  คุณใช้เวลาในการอ่านและคิดตาม เพียง 2-3 นาทีเท่านั้น  โปรดอย่าเก็บคำสอนนี้ไว้คนเดียว มิเช่นนั้นมนตราที่ส่งมานี้จะจากคุณไปภายใน 96 ชั่วโมง แล้ว … คุณจะได้พบกับสิ่งประหลาดมหัศจรรย์ที่คุณจะยินดีมาก


ข้อแนะนำในการดำเนินชีวิต



1. ระลึกเสมอว่า การจะได้พบความรักและความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ก็ต้องประสบกับความเสี่ยงอันมหาศาลดุจกัน

2. เมื่อคุณแพ้ อย่าลืมเก็บไว้เป็นบทเรียน

3. จงปฏิบัติตาม 3 Rs

3.1 เคารพตนเอง ( Respect for self )

3.2 เคารพผู้อื่น ( Respect for others )

3.3 รับผิดชอบต่อการกระทำของตน ( Responsibility for all your actions )

4. จงจำไว้ว่า การที่ไม่ทำตามใจปรารถนาของตนบางครั้งก็ให้โชคอย่างน่ามหัศจรรย์

5. จงเรียนรู้กฎ เพื่อจะทราบวิธีการฝ่าฝืนอย่างเหมาะสม

6. จงอย่าปล่อยให้การทะเลาะเบาะแว้งด้วยเรื่องเพียงเล็กน้อย มาทำลายมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ของคุณ

7. เมื่อคุณรู้ว่าทำผิด จงอย่ารอช้าที่จะแก้ไข

8. จงใช้เวลาในการอยู่ลำพังผู้เดียวในแต่ละวัน

9. จงอ้าแขนรับการเปลี่ยนแปลง แต่อย่าปล่อยให้คุณค่าของคุณหลุดลอยจากไป

10. จงระลึกไว้ว่า บางครั้งความเงียบก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุด

11. จงดำเนินชีวิตด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อที่ว่าเมื่อคุณสูงวัยขึ้นและคิดหวนกลับมาคุณจะสามารถมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำลงไปได้อีกครั้ง

12. บรรยากาศอันอบอุ่นในครอบครัวเป็นพื้นฐานสำคัญของชีวิต

13. เมื่อเกิดขัดใจกับคนที่คุณรัก ให้หยุดไว้แค่เรื่องปัจจุบัน อย่าขุดคุ้ยเรื่องในอดีต

14. จงแบ่งปันความรู้ เพื่อเป็นหนทางก้าวสู่ความเป็นอมตะ

15. จงสุภาพกับโลกใบนี้

16. จงหาโอกาสท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ ที่คุณไม่เคยไป อย่างน้อยก็ปีละครั้ง

17. จำไว้ว่า ความสัมพันธ์ที่ดีที่สุด คือความรักมิใช่ความใคร่

8. จงตัดสินความสำเร็จของตนด้วยสิ่งที่ต้องเสียสละ

19. จงเข้าใกล้ความรักด้วยการปล่อยวาง





Website Hosting