I  want  to  have  many  friends.

วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

“ศูนย์วิจัยและพัฒนามังคุด” ชี้น้ำมังคุดสารพัดประโยชน์ ลงหนังสือพิมพ์3ฉบับ




�ศูนย์วิจัยและพัฒนามังคุด�  ชี้น้ำมังคุดสารพัดประโยชน์  ผลิตสารต่อต้านเซลล์มะเร็ง    ตับเสื่อม ไตวาย เบาหวาน�มังคุด� ยังเพิ่มการหลั่งสาร Interleukin II ของเม็ดเลือดขาว ซึ่งตามหลักวิชาของภูมิคุ้มกัน จะทำให้ร่างกายสามารถต่อต้านสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย เช่น ไวรัส เชื้อรา แบคทีเรีย หรือเซลล์มะเร็ง  อย่างไรก็ดี�เปลือกมังคุด� มีสาร Tannins ในปริมาณมากที่สุด ซึ่งการบริโภคสาร Tannins  อย่างต่อเนื่อง อาจจะทำให้เกิดความเป็นพิษต่อตับ ไต  ซึ่งได้มีการวิจัยและสรุปว่า การบริโภคสาร Tannins ในปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง จะนำไปสู่การเกิดมะเร็งในร่องแก้ม ในทางเดินอาหารส่วนบน และลดจำนวนของเม็ดเลือดขาวจนทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายลดต่ำลงกว่าปกติ

ทั้งนี้คณะวิจัยได้ร่วมกับสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) ผลิตน้ำมังคุดมาตรฐานเพื่อให้เป็นเครื่องดื่มที่ไม่ใช่เป็นยา โดยไม่ใช้เปลือก ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล สี กลิ่นสังเคราะห์ และสารกันบูด  พร้อมควบคุมปริมาณสารที่มีประโยชน์ในเนื้อมังคุดในขบวนการผลิตอย่างมีมาตรฐาน ซึ่งเป็นการช่วยพยุงราคามังคุดที่ตกต่ำ ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกมังคุด  
โดยปัจจุบัน �น้ำมังคุด�   มีการจำหน่ายอย่างแพร่หลายในประเทศไทย และส่งออกไปจำหน่ายกว่า 10  ประเทศทั่วโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา  รัสเซีย  มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน อินโดนีเซีย ฯลฯ และจะมีวางจำหน่ายในยุโรปในอีก 2 เดือนข้างหน้า  อย่างไรก็ดี ขณะนี้สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตรฯ ร่วมกับ Asian Phytoceuticals Public Company Limited ทำการศึกษาการบริโภคน้ำมังคุดดังกล่าว เป็นประจำต่อเนื่องทุกวัน วันละ 300 มล.  สำหรับเป็นอาหารของผู้ป่วยมะเร็งขั้นสุดท้าย ซึ่งดำเนินการโดยคณะวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในขณะเดียวกันจะมีการศึกษาควบคู่กันไปในมหาวิทยาลัย ในแคลิฟอร์เนีย ประเทศ สหรัฐอเมริกา และ ในเครือข่าย ในมหาวิทยาลัยในประเทศอิตาลี โดยโครงการทั้งหมดจะเสร็จสมบูรณ์ในอีก 12 เดือน สำหรับผู้สนใจข้อมูลเกี่ยวกับ �น้ำมังคุด�


สามารถศึกษาข้อมูลได้ที่   http://www.AsianLifeOnline.net/P03/?id=M37757 พื่อการบริโภคที่ปลอดภัยและเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณเองและคนที่คุณรักOperation Bim จากศูนย์วิจัยและพัฒนามังคุดไทยOperation Bim กับทุกปัญหาสุขภาพ ครั้งที่12


เมื่อวันที่ 23 ก.ค.2553 ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนามังคุดไทย ถนนรัชดาภิเษก ศ.ดร.พิเชษฐ์  วิริยะจิตรา  หัวหน้าคณะนักวิจัยศูนย์วิจัยและพัฒนามังคุดไทย  เปิดเผยว่า  หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)  นำเสนออันตรายจากการบริโภคน้ำมังคุดที่มีต่อสุขภาพนั้น  คณะนักวิจัยของศูนย์วิจัยและพัฒนามังคุดไทยที่ได้ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับมังคุดมากว่า 30 ปี  จึงขอนำเสนอข้อมูล ความรู้ที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้บริโภค เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์มังคุด   ผลไม้ไทยที่ได้ชื่อว่าเป็น �ราชินีแห่งผลไม้� โดยจากการศึกษาวิจัยพบว่า มังคุดสามารถปรับระดับภูมิคุ้มกันให้สมดุล โดยการลดการหลั่งสาร Interleukin I และ Tumor Necrosis Factor ซึ่งตามหลักวิชาของภูมิคุ้มกัน จะทำให้ลดอาการที่เกี่ยวข้องกับการแพ้ภูมิตัวเองและการอักเสบ เช่น ตับเสื่อม ไตวาย เบาหวาน ข้อเข่าอักเสบ ความดันโลหิต โรคพาร์กินสัน ไทรอยด์เป็นพิษ  และความผิดปกติของสมองอันเกิดจากการอักเสบ เป็นต้น

ข่าวในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์

ข่าวในหนังสือพิมพ์มติชน

ข่าวในหนังสือพิมพ์บ้านเมือง



และพบกับทีมวิจัย
ได้ในงาน
วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม 2553
เวลา 13:00-17:00น.
ที่สำนักงานใหญ่ บ.เอเชี่ยนไลฟ์ จำกัด
อาคาร อาร์เอสทาวเวอร์ รัชดา ใกล้เอสพลานาด และจัสโก้

ผลิตภัณฑ์จาก ศูนย์วิจัยและพัฒนามังคุดไทย
มีจำหน่ายในประเทศผ่านทางเอเชี่ยนไลฟ์แต่เพียงผู้เดียว

ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ
คุณ เอกสิทธิ์ 084-0179552










Web Hosting

วันพุธที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

4 อาหาร...อารมณ์ดี

ความสดชื่นแจ่มใสและกระฉับกระเฉงนี้

ไม่เพียงแต่ทำให้ตัวเรามีความสุขเท่านั้น

แต่ยังทำให้ผู้คนรอบข้างพลอยมีความสุขไปด้วย




มีหลากหลายวิธีที่เป็นเคล็ดลับสร้างสุข

ที่เราทำได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายเป็นประจำ

ที่ทำให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นเดอร์ฟิน

หรือที่รู้จักกันดีในหมู่นักกีฬาว่า "สารแห่งความสุข" ที่ส่งผลต่ออารมณ์

นอกจากนี้อาหารที่เรารับประทานเข้าไปก็มีผลต่ออารมณ์เช่นกัน

มาทำความรู้จักกับ 4 อาหารสร้างสุขกันค่ะ





1.พริกรสเผ็ด -  สร้างสุข

เนื่องจากสารแคปไซซินในพริกส่งสัญญาณ

หลอกให้สมองหลั่งสารเอนเดอร์ฟิน

แต่ต้องระวังอย่าทานมากเกิน

เพราะความเผ็ดอาจทำให้ท้องใส้ปั่นป่วนได้








 2.ปวยเล้ง - ผักอารมณ์ดี

มีกรดโฟลิกสูงมากป้องกันโรคซึมเศร้า

ประสาทหลอน และความจำเสื่อม

ช่วยกระตุ้นสารเซโรโทนินที่ทำให้อารมณ์ดีและช่วยให้หลับง่าย






3.กล้วยหอม - ลดเครียด

ช่วยกระตุ้นสารเซโรโทนิน

และอุดมไปด้วยทริปโตแฟนจำนวนมหาศาล

ช่วยลดอารมณ์ซึมเศร้าและคลายความเครียดเป็นอย่างดี

แถมยังทำให้ไม่อ้วนอีกด้วย




  


4.ถั่วเหลือง - เพิ่มความตื่นตัวกระฉับกระเฉง

นอกจากมีสารเซโรโทนินที่ลดความเครียดแล้ว

ยังมีสารอีกตัวคือ โดไทโรซีน ซึ่งช่วยเพิ่มสมาธิ

และความกระฉับกระเฉง ทำให้ไวต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆรอบตัว



.


..




หากเมื่อใดพบคนข้างเคียงเครียด

หรือตัวเองอารมณ์ไม่ดี

หงุดหงิด ก็ลองซื้อกล้วยหอมสักหวีหรือนมถั่วเหลือง

ทานแก้หงุดหงิดกันดู จะได้อารมณ์ดี

เปลี่ยนเป็นหัวเราะกิ๊กกั๊กขึ้นมาแทน




ข้อมูลจาก นิตยสารชีวจิต ฉ.194





Website Hosting

วิธีง่ายๆ ในการลืมความหลัง จากท่าน ว.วชิรเมธี

วิธีง่ายๆ ในการลืมความหลัง จากท่าน ว.วชิรเมธี




ปุจฉา - ทำอย่างไร จะทำให้ลืมเรื่องการทำบาปในอดีตที่ผ่านมาได้คะ





วิสัชนา

...



ความหลังก็คงไม่ต่างอะไรกับทากตัวน้อยๆ

หมายความว่า ทากมันจะเกาะ

และกัดใครคนใดคนหนึ่งอย่างยาวนาน

ก็ต่อเมื่อคนๆ นั้น ยัง “ไม่รู้สึกตัว”

ต่อเมื่อเรารู้สึกตัวนั่นแหละ

 วันเวลาของทากตัวนั้นก็ย่อมจะหมดลง



คนที่ยังปล่อยให้อดีตอันปวดปร่า

มาทำร้ายชีวิตในปัจจุบันขณะได้

ก็คือคนที่ “ยังไม่รู้สึกตัว” เท่านั้น

สำหรับคนที่ “รู้สึกตัว” อยู่เสมอ

ไม่มีทางหรือเป็นไปไม่ได้เลยที่คมมีดแห่งอดีต

จะกรีดใจให้เจ็บปวด





คำว่า “รู้สึกตัว” ไม่ได้หมายความตื้นๆ แค่การรู้สึกตัวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

ของคนที่ยังไม่หลับ ไม่เมา ไม่สมประกอบ



แต่หมายถึง การ “มีสติ” อยู่ตลอดเวลาที่คิด พูด ทำ

คนที่คิดก็รู้ว่ากำลังคิด พูดก็รู้ว่ากำลังพูด ทำก็รู้ว่ากำลังทำ

เดินก็รู้ว่ากำลังเดิน กินก็รู้ว่ากำลังกิน ฯลฯ



สติคมชัดอยู่ตลอดเวลาที่ตาตื่น กายเคลื่อนไหว ใจครุ่นคิด

จนกระทั่งสามารถที่จะคิดอย่างประณีต พูดอย่างประณีต และทำอย่างประณีตโดยอัตโนมัติ

ถึงขั้นที่ใจไม่ลอยออกไปจากเรื่องที่คิด กิจที่ทำ คำที่พูด

หากแต่มีสติเต็มอยู่ตลอดเวลาในลักษณะ “ตัวอยู่ไหน ใจอยู่นั่น”

ทำได้อย่างนี้ จึงจะเรียกว่าเป็นคนที่ “รู้สึกตัว”


คนที่มีความรู้สึกตัวอย่างนี้อาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าคนที่ “ตื่นรู้” ก็ได้

เมื่อตื่นรู้ อดีตก็ล่วงเข้ามาสู่ความครุ่นคิดไม่ได้

ในใจจึงมีแต่ความ “รู้สึกตัว” อยู่ในปัจจุบันขณะเท่านั้น

การทำได้เช่นนี้ คือวิธีที่ความหลังไม่มีทางจะเกาะแกะกับจิตใจได้อีกเลย



อย่าลืมว่า ความขาดสติ คือ ยาชุบชีวิตชั้นดีของความผิดบาปในอดีต

และความรู้สึกตัว ก็คือมีดผ่าตัดที่สามารถหยุดอดีตเอาไว้ให้ไม่มีตัวตน



แต่หากทำเช่นนี้ไม่ได้ ก็ขอแนะนำวิธีง่ายๆ ดังนี้


(๑) หาอะไรทำอยู่เสมอ






การทำงานอยู่เสมอ คือ วิธีแยกจิตออกมาจากความหลัง

เมื่อพรากจิตจากความหลังมาอยู่กับการทำงานจนชิน จิตก็ไม่ฟุ้ง ไม่ย้อนกลับไปในอดีตอีก

เมื่อจิตจดจ่ออยู่กับงานที่ทำอยู่ตรงหน้า จิตก็ผ่องใส

หากทำได้บ่อยๆ ความเข้มข้นของบาปในอดีตก็จะเจือจางลงไปโดยอัตโนมัติ


(๒) ฝึกสมถสมาธิ





กล่าวคือ ฝึกสมาธิด้วยการบริกรรมหรือการเพ่งอะไรก็ได้ที่ทำให้จิตใจมีที่ พัก ที่เกาะ ที่พึ่ง ที่ยึดเหนี่ยว

วิธีที่นิยมใช้ก็คือ การบริกรรม “พุท” เวลาหายใจเข้า และ “โธ” เวลาหายใจออก

หรือจะใช้คำอื่นใดก็ได้ที่เมื่อบริกรรมในใจแล้ว ทำให้จิตหายฟุ้งซ่าน แน่วแน่ เป็นหนึ่ง ผ่องใส


เมื่อฝึกจนจิตนิ่ง และผ่องแล้ว จิตจะมีความสุขอยู่กับ ปีติสุข มีความแช่มชื่นเบิกบาน ผ่อนคลาย

เมื่อจิตได้กำซาบความสุชนิดใหม่ที่เกิดจาก สมาธิภาวนาอยู่เสมอแล้ว

ความผิดบาปในใจก็ไม่ลอยฟุ้งซ่านมากัดกร่อนปัจจุบันได้ อย่างเดิมอีก


(๓) ฝึกวิปัสสนาสมาธิ

...





ได้แก่การหาโอกาสพาตัวเองไป “เข้าเงียบ”

กับครูบาอาจารย์ทางด้านวิปัสสนาอย่าง เข้มข้น

เมื่อฝึก “ดูใจ” ตัวเองจนรู้เท่าทันอาการทางจิต

เช่น คิดก็รู้ ฟุ้งซ่านก็รู้ กลัวก็รู้ มัวหมองก็รู้ ผ่องใสก็รู้ ฯลฯ

เมื่อเราสามารถอ่านความเป็นไปของจิต

ได้ อย่างละเอียดลออลึกซึ้ง

ถึงขั้นพอจิตกระเพื่อม ใจก็ตัดฉับ

รู้เท่าทัน จนเหลือแต่ ตัว “สติ” ล้วนๆ อยู่ตลอดเวลา

หากทำได้ดังว่าเช่นนี้

คุณก็เหมือนคนที่ “ตื่นแล้ว”

จากความหลังอันทุกข์ตรมขมไหม้โดยสิ้นเชิง


ในสังคมไทยทุกวันนี้ มีคน ที่จมอยู่ในอดีตจำนวนมาก

ที่ได้พรากตัวเองออกจากอดีตอันแสนเจ็บปวดด้วยการ ฝึกวิปัสสนากรรมฐา

แล้วต่างก็ค้นพบว่า คนเราสามารถเป็นอิสระได้ไม่ใช่แค่ จากอดีตที่ไม่อยากจำเท่านั้น

ทว่าเรายังสามารถเป็นอิสระได้แม้จากความทุกข์ทุกชนิดที่คอยบั่นทอนชีวิตให้ขาดชีวาได้อีกด้วย

ทั้งนี้ โดยวิธีง่ายๆ ที่ เรียกว่า การดูใจตัวเอง (วิปัสสนาสมาธิ) ให้เป็นเท่านั้น


............................


(จากนิตยสารแพรว)









Web Hosting Service

อาหารคลายเครียด




 

เครียด...ภาวะจิตใจที่เกิดจากความตื่นตัว เตรียมเผชิญกับเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง

จนทำให้เกิดความรู้สึกหนักใจ กังวล ไม่สบายใจ ซึ่งถ้าเก็บกับตัวไว้นานๆ อาจส่งผลร้ายต่อร่างกายได้

ด้วยความร้ายกาจของอาการเครียดนี้ทำให้มีคนพยายามสรรหากรรมวิธีคลายเครียดมาหลากหลายวิธี

หนึ่งในกรรมวิธีคลายเครียดที่เชื่อกันว่าได้ผลดีที่สุดอย่างหนึ่งนั่นคือ การใช้ "อาหารคลายเครียด"

สมาคมโภชนาการสหรัฐอเมริกาพบว่า การที่ร่างกายได้อาหาร อย่างครบถ้วน

จะช่วยในเรื่องของการรักษาสมดุลของอารมณ์ได้ เพราะอาหารเป็นตัวหนึ่งที่สร้าง "เซโรโทนิน"

สารเคมีในสมองที่ช่วยทำให้ใจเย็น เบิกบานขึ้น รวมไปถึง "ทริปโตฟาน" สารอาหารที่ช่วย ลดระดับความเครียดได้

แล้วอาหารประเภทใดที่จะมีสารช่วยให้เบิกบานนี้อยู่มาก ?



 





ช็อกโกแลต น้ำมะตูม กล้วย และนมสด นับเป็นอาหารคลายเครียดที่ติดอันดับต้นๆ

ด้วยมีการพบว่า อาหารเหล่านี้มีคุณสมบัติช่วยลดอาการกระวนกระวายได้ ทั้งยังช่วยลดอาการเครียด ทำให้นอนหลับสบายได้อีกด้วย

ผลวิจัยยังพบอีกว่า ปลาแซลมอน และแม็กคาเรล เป็น 2 สุดยอดปลา

ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยโอเมก้า 3 ที่มีคุณสมบัติป้องกันโรคหัวใจและ โรคมะเร็ง

ทั้งยังช่วยต้านอนุมูลอิสระให้กับร่างกาย นอกจากนั้น มีการพบว่า โอเมก้า 3 ยังมีผลต่ออารมณ์ของคน
"ผักโขม และถั่ว" พืชผักที่มากมายไปด้วยวิตามินซี ไฟเบอร์ และโฟเลต

ตัวช่วยในการสร้างเซโรโทนิน ช่วยปรับให้อารมณ์ อยู่ในภาวะปกติ

ส่วน คาโนลาออยล์ น้ำมันจากดอกไม้ที่เต็มไปด้วยวิตามินอี

ที่ นอกจากจะช่วยในเรื่องสวยๆ งามๆ แล้วยังสามารถช่วยรักษาระดับอารมณ์ได้เป็นอย่างดี

อาหารประเภท ไข่ ถั่วเหลือง นมวัว จะมีทริปโตฟานอยู่มาก

ส่วนธัญพืชต่างๆ ยีสต์ รำข้าว เครื่องใน เนื้อ ถั่ว ผัก ไก่จะมีวิตามินบี 6

และตับ เครื่องใน เนื้อ เป็ด ไก่ ปลา ถั่ว ยีสต์ จะมีวิตามินบี 3




นอกจากจะเลือกสรรอาหารดีๆ เป็นตัวช่วยเพื่อลดระดับความเครียดให้เหมาะสมแล้ว

อย่าลืมที่จะฝึกบริหารอารมณ์ และรู้จักปล่อยวางเสียบ้าง แค่นี้อารมณ์ดีๆ ก็ไม่หนีไปไหนแล้ว !!





จาก คอลัมน์ วาไรตี้เฮลท์

หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ , ภาพจาก internet




|
Website Hosting

เมนู "อาหารไทยไร้พุง"

เมนู "อาหารไทยไร้พุง"



ภาวะอ้วนลงพุงเป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากมีไขมันในช่องท้องมากเกินไป

มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง และระดับไขมันในเลือดสูง

ทำให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน

โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด

โดยเฉพาะหากมีรอบพุงมากยิ่งทำให้เกิดไขมันสะสมในช่องท้องมากขึ้นตามไปด้วย

ไขมันที่สะสมจะแตกตัวเป็นกรดไขมันอิสระเข้าสู่ตับ

มีผลให้อินซูลินออกฤทธิ์ได้ไม่ดี เกิดเป็นภาวะอ้วนลงพุง

โดยผู้ชายจะมีเส้นรอบเอวเกิน 90 เซนติเมตรและผู้หญิงเกิน 80 เซนติเมตร

การป้องกันที่ดีที่สุดคือยึดหลัก 3 อ.

ได้แก่ อ. อาหาร อ. ออกกำลังกายและ อ. อารมณ์

กรมอนามัยได้จัดการรณรงค์บริโภคอาหารที่ถูกส่วนในปริมาณที่เหมาะสม

โดยการจัดเลี้ยงอาหารกลางวัน คณะรัฐมนตรี (ครม.) และสื่อมวลชน

ทุกวันอังคารที่ 1 ของเดือน รวม 3 ครั้ง เริ่มวันอังคารที่ 1 กันยายน, 6 ตุลาคม และ3 พฤศจิกายน

ที่ อาคารสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี กรุงเทพมหานคร

สำหรับเมนูอาหารไทยไร้พุง (เมนู 2:1:1) ประกอบด้วย



1. ชุดส้มตำ-ไก่ย่าง  ให้พลังงาน 262 กิโลแคลอรี


2. เกาเหลาเป็ด  ให้พลังงาน 156 กิโลแคลอรี



3. ข้าวน้ำพริกลงเรือ ให้พลังงาน 325 กิโลแคลอรี



4. ข้าวหมูอบผัก  ให้พลังงาน 256 กิโลแคลอรี



5. ปลากะพงนึ่งมะนาว ให้พลังงาน 140 กิโลแคลอรี




6. ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน ให้พลังงาน 118 กิโลแคลอรี



7. ยำผักหวาน ให้พลังงาน 128 กิโลแคลอรี





ข้อมูลจาก ไทยรัฐ

ภาพจาก internet



วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ความสุข ความทุกข์ ราคาเสมอกัน







วันหนึ่งผู้เขียนได้รับหนังสือแจกในงานศพของใครคนหนึ่ง ซึ่งมีผู้มาบริจาคไว้ที่ห้องสมุดที่วัด
พลิกดูผ่านๆ พลันก็ได้พบกับคำคมของ หลวงพ่อชา สุภัทโท พระวิปัสสนาจารย์ ผู้มีชื่อเสียงขจรไกลไปทั่วโลก

และเพราะคำคมของท่าน ทำให้ต้องกลับมาพลิกอ่านหนังสือเล่มนั้นต่อไปจนจบ

หลวงพ่อชา กล่าวว่า

“ทุกอย่างในโลกนี้มันถูกอยู่แล้ว มีแต่ความเห็นของเราเท่านั้นที่ผิด”

คำของหลวงพ่อ ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน แต่อุดมด้วยเนื้อหาแห่งสัจธรรมที่ไม่อาจปฏิเสธ

ด้วยประโยคง่ายๆ นี้เอง ทำให้นึกถึงพระพักตร์ของพระพุทธองค์ที่มักจะทรงแย้มสรวลด้วยความผ่อนคลายและเปี่ยมด้วยเมตตาอยู่เสมอ

ยามที่มีสัตว์โลกผู้ถูกความทุกข์ท่วมทับจนทุกข์หนักหนาสาหัสแทบล้มประดาตาย เข้าไปกราบขอให้พระองค์ทรงเป็นที่พึ่ง

แต่ทุกครั้งที่มีสัตว์ผู้ตกทุกข์ได้ยากเข้าไปเฝ้าขอพึ่งพระบารมี ไม่มีเลยแม้แต่ครั้งเดียวที่พระองค์จะทรงตกพระทัย หรือทรงเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่จนทรงสูญเสียปกติภาพ

ตรงกันข้าม พระองค์กลับทรงปฏิสัมพันธ์ต่อความสุข ความทุกข์ ของมนุษยชาติ ด้วยราคาเดียวกัน อย่างเสมอต้นเสมอปลาย

ที่เป็นเช่นนี้ นั่นคงเป็นเพราะทรงตระหนักเป็นอย่างดีว่า

“ทุกอย่างในโลกนี้มันถูกอยู่แล้ว มีแต่ความเห็นของเราเท่านั้นที่ผิด”

คราวหนึ่งมีสตรีชาวบ้านคนหนึ่งถูกความทุกข์อันเนื่องมาจากการสูญเสียลูกชายครอบงำจนวิกลจริต

เธอไม่อนุญาตให้มีการฌาปนกิจศพลูก เพราะเชื่อมั่นว่า ลูกยังไม่ตาย หรือถึงตายไปแล้ว แต่ก็ต้องมียาวิเศษที่จะชุบชีวิตลูกให้ฟื้นขึ้นมาจนได้

วันหนึ่ง เธออุ้มศพลูกน้อยที่เริ่มส่งกลิ่นเน่าเหม็น ซมซานไปจนถึงพุทธสำนัก

เมื่ออยู่ต่อพระพักตร์พระพุทธองค์แล้ว เธอจึงได้สติ พลางกราบทูลถามว่า

พระองค์สามารถจะเยียวยาลูกชายของเธอ ให้ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาดังเดิมได้หรือไม่

ทรงทอดพระเนตรดูเธอ ผู้กรมเกรียมเพราะถูกไฟแห่งความพลัดพรากแผดเผามายาวนาน

พลางแย้มพระสรวลด้วยเมตตา ตรัสแก่เธอว่า

“น้องหญิง เราสามารถชุบชีวิตลูกชายของเธอได้

แต่ว่า เธอต้องไปหาเมล็ดผักกาดจากเรือนที่ยังไม่เคยมีคนตายมาก่อน มาให้เราสักหนึ่งกำมือเถิด

ถ้าได้เมล็ดผักกาดจากเรือนที่ยังไม่เคยมีคนตายมาแล้ว เราตถาคต จะปรุงยาชุบชีวิตลูกชายของเธอด้วยเมล็ดผักกาดนั้น”

หญิงสาวดีใจจนน้ำตาไหล เธอออกเดินทางจากพระอาราม มุ่งหน้าเข้าสู่หมู่บ้าน เพื่อขอเมล็ดผักกาดจากบ้านที่ยังไม่เคยมีคนตาย

แต่จนแล้วจนรอด เธอกลับได้รับแต่คำตอบปฏิเสธ จากทุกหลังคาเรือนที่เธอเอ่ยปากถาม

เมล็ดผักกาดนั้น จะหาจากเรือนหลังไหนก็ได้

แต่พอเธอเสนอเงื่อนไขที่สองที่ว่า “จากบ้านที่ยังไม่เคยมีคนตาย”

เมล็ดผักกาดก็กลายเป็นของหายากขึ้นมาทันที

คุณแม่ยังสาวผู้สูญเสียลูกชาย อุ้มศพลูกน้อยเดินขึ้นเดินลงจากเรือนหลังนั้น สู่หลังนี้

แต่ทุกหลังคาเรือนที่เธอไปเยือน ล้วนแต่มีคำตอบปฏิเสธ

เรือนหลังไหนๆ บ้านหลังไหนๆ ก็ล้วนแล้วแต่เคยมีคนตายมาก่อนแล้วทั้งนั้น

ในที่สุด ทุกๆ คำตอบปฏิเสธ ก็ได้สอนบทเรียนบทหนึ่งให้แก่เธอว่า

“ความตายเป็นของธรรมดา ใช่แต่เพียงลูกชายของเราเท่านั้น ที่ต้องตาย

แท้ที่จริง คนในโลก ล้วนแต่จะต้องตายเหมือนกันทั้งหมด โดยไม่มีข้อยกเว้น”

พลันที่จิตตื่นรู้ อันเป็นผลจากประสบการณ์ตรงที่เกิดแต่การเที่ยวหาเมล็ดผักกาดจากบ้านที่ยังไม่เคยมีคนตาย

เมฆหมอกแห่งความทุกข์ ก็คลี่คลายหายห่างออกไปจากชีวิตของเธอ

หญิงสาวยินยอมให้มีการเผาศพลูกชายโดยดุษฎี

จากนี้จึงตรงไปเฝ้าพระพุทธองค์ กราบทูลรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ตรงให้ทรงทราบ

สิ้นเสียงกราบทูลรายงานความคืบหน้าในทางธรรมของเธอแล้ว

พระบรมครูทรงแย้มพระสรวลน้อยๆ พระพักตร์เจือด้วยพระเมตตาเต็มเปี่ยม

นาทีนั้น หญิงสาวเข้าใจทันทีว่า สำหรับพระองค์แล้ว ความทุกข์ ความสุข มีราคาเดียวกันจริงๆ

นับแต่นั้นเป็นต้นมา อดีตคุณแม่ผู้ถูกความพลัดพรากจู่โจมจนวิกลจริต จึงหันหน้าเข้าเส้นทางธรรม

อุทิศตนบวชเป็นภิกษุณีในพระธรรมวินัย และกลายเป็นพระอรหันต์ภายในเวลาไม่นานนัก

คำของหลวงพ่อชาที่ว่า

“ทุกอย่างในโลกนี้มันถูกอยู่แล้ว มีแต่ความเห็นของเราเท่านั้นที่ผิด”

เป็นถ้อยคำสำคัญมาก

คำๆ นี้ เปลี่ยนชีวิตคนมาแล้วมากต่อมาก มิน่าเล่าเมื่อแรกที่พระพุทธองค์ทรงแสดงปฐมเทศนา

จึงทรงเริ่ม มรรคมีองค์ ๘ ด้วย “สัมมาทิฐิ”

“สัมมาทิฐิ” คือ การเห็นชอบ การเห็นถูก การเห็นตรง (ตามความเป็นจริง)

การเห็นชอบ = การเห็นถูก

การเห็นถูก = การเห็นตรง

การเห็นตรง = การเห็นไม่ผิด

ที่ว่าเห็นไม่ผิด คือ เห็นสอดคล้องกับความจริงที่เป็นจริงของมันอย่างนั้นเอง

“ทุกชีวิตเกิดมาล้วนต้องตาย”

นี่เป็นความจริงอันเป็นสัจธรรมของโลก

หากคนส่วนใหญ่เห็นความตายตามความเป็นจริงอย่างตรงไปตรงมา

ความทุกข์เพราะความตาย คงไม่ใช่ความทุกข์อันยิ่งใหญ่

หรือบางที อาจไม่เป็นความทุกข์เลยด้วยซ้ำ
ปราชญ์ทางพุทธธรรมท่านหนึ่งกล่าวว่า

“มีแต่ความตาย ไม่มีผู้ตาย”

นี่เป็นความจริงที่ลึกซึ้งกว่าข้อความข้างต้นอีกชั้นหนึ่ง

หากเราทุกคนมองเห็นความจริงตามความเป็นจริงเช่นนี้ได้ ความตายคงไม่ใช่เรื่องน่ากลัวแม้แต่น้อย

แต่ก็นั่นแหละ การเห็นตามความเป็นจริง ไม่ใช่เรื่องง่าย

และเพราะไม่ใช่เรื่องง่ายนั่นเอง

ความตายจึงยังคงเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับคนทั่วไปอยู่จนทุกวันนี้

ทว่าสำหรับผู้ฝึกตนจนมีสัมมาปัญญาแล้ว

ท่านเหล่านั้นล้วนปฏิสัมพันธ์ต่อความสุข ความทุกข์ด้วยราคาเดียวกัน

สุขก็ธรรมดา

ทุกข์ก็ธรรมดา

มีแต่ธรรมดาเท่านั้นเกิดขึ้น

มีแต่ธรรมดาเท่านั้นดำรงอยู่

มีแต่ธรรมดาเท่านั้นแตกดับไป

นอกจากธรรมดาแล้ว ไม่มีอะไรเกิด ไม่มีอะไรดับ

ใครเห็นธรรมดา คนนั้น เห็นธรรม ใครเห็นธรรม คนนั้นเห็นธรรมดา

ใจที่เห็นธรรมดา เป็นใจที่ไม่หวั่นไหวเพราะสุขและทุกข์อีกต่อไป

เนื่องเพราะ สุขและทุกข์ ไม่ใช่สองด้านของเหรียญอันเดียวกัน

แต่เป็นด้านเดียวกันมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว

มีแต่ความเห็นของเราเท่านั้นที่ไปสร้างสมมุติซ้อนขึ้นมา

ว่าสุขและทุกข์เป็นด้านทั้งสองของเหรียญแห่งชีวิตอันเดียวกัน





ธรรมสวัสดี

ทุเรียน กินอย่างไรไม่อ้วน แถมเป็นยาถ่ายพยาธิชั้นยอด



ทุเรียน กินอย่างไรไม่อ้วน เผยช่วยชำระล้างขยะในลำไส้ แถมเป็นยาถ่ายพยาธิชั้นยอดคงสงสัยกันสิว่า กินกันอย่างไรล่ะที่ไม่ให้อ้วน ตำราไทยบอกไว้ให้กินเป็นยาถ่ายพยาธิปฏิบัติไม่ยากเลย ง่ายๆ เพียงแค่ตื่นนอนตอนเช้าๆ ยามรุ่งอรุณ ก็ราวๆ ประมาณ 05.00 น. หลังจากล้างหน้า แปรงฟัน เรียบร้อย เริ่มกินทุเรียนได้ทันที กินพอประมาณ อาจสักครึ่งลูกย่อมๆ หรืออาจมาก



-น้อยกว่านั้น ตามน้ำหนัก หรือความอ้วน ความผอม คือ อ้วนก็มากหน่อย ผอมก็น้อยลง ไม่ใช่กินเพื่ออิ่ม แต่กินเป็นยา แล้วดื่มน้ำอุ่นตามไปมากๆควรกินสองวันติดต่อกันและงดอาหารในทั้งสองเช้านั้น ความร้อนในสารกำมะถันธรรมชาติ และกากใย จากพูทุเรียน จะออกฤทธิ์ชำระล้างขยะในลำไส้ออกได้อย่างเกลี้ยงเกลา รวมทั้งเป็นยาถ่ายพยาธิต่างๆ อีกทั้งยังเป็นยาถ่ายในผู้ป่วยน้ำเหลืองเสีย ซึ่งมักเกิดแผลจากแมลงกัดอยู่เสมอทุเรียนให้ประโยชน์คณานับที่แพทย์แผนไทย มีอาทิเนื้อสีเหลือง


- รสหวานร้อน ทำให้เกิดความร้อน แก้โรคผิวหนัง ทำให้ฝี


-หนอง แห้ง เนื้อทุเรียนมีฤทธิ์ขับพยาธิเปลือกหนาม

- รสเฝื่อน สับแช่ในน้ำปูนใสใช้ชะล้างแผลที่เกิดจากน้ำเหลืองเสี ย แผลพุพอง เผาทำถ่าน บดจนเป็นผง คลุกในน้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันงา ลดความบวมพองจากคางทูม และเผาเอาควันไล่ยุงและแมลงใบทุเรียน

- รสเย็นและเฝื่อน ใช้ต้มน้ำอาบแก้ไข้ แก้ดีซ่านและเป็นส่วนผสมในยาขับพยาธิรากจากต้น


- ตัดเป็นข้อๆ ต้มให้เดือด ดื่มบรรเทาอาการไข้และรักษาอาการท้องร่วงนอกจากทุเรียนจะให้คุณอเนกอนันต์ตามสรรพคุณยาที่กล่าวมา ยังเป็นไม้ที่มีความเชื่อตามวัฒนธรรมประเพณีไทย ตั้งแต่กรุงศรีอยุธยากระทั่งจนถึงปัจจุบัน คือ เป็นไม้มงคล ซึ่งตามตำราปลูกต้นไม้ตามอักษรนาม ประจำทิศว่าไว้..


“ทิศที่ควรปลูกต้นไม้มงคล ทิศบูรพา ให้ปลูกไผ่ กุ่ม และมะพร้าว ทิศอาคเนย์ ให้ปลูกต้นยอและสารภี ทิศทักษิณ ให้ปลูกมะม่วง กับ มะพลับ ทิศหรดี ให้ปลูกชัยพฤกษ์ สะเดา ขนุน และพิกุล ทิศประจิม ปลูกต้นมะขาม จะช่วยป้องกันความถ่อย ถ้อยความและผีร้ายมิให้มากล้ำกรายอีกทั้งต้นมะขามเป็นต้นไม้ที่มีชื่อเป็นมงคลนาม ถือเป็นเคล็ดว่าจะทำให้มีแต่คนเกรงขาม ยำเกรง”

ออกกำลังกายตามกรุ๊ปเลือด

วิธีออกกำลังกายให้เหมาะสมกับกรุ๊ปเลือดที่แตกต่าง เพื่อเสริมสร้างสุขภาพกายและใจ ไม่ทำให้ร้ายกล้ามเนื้อเพราะการออกกำลังกายอย่างหักโหม



วันนี้ ยืดเส้นยืดสาย เตรียม

เริ่มจากเลือดกรุ๊ปเอ ควรออกกำลังกายแบบช้า ๆ ออกแรงไม่มาก เช่น โยคะ ไท้เก๊ก ชี่กง เพราะมีโครงกระดูกเล็ก หักง่าย สืบเนื่องจากอาหารที่เหมาะสมของคนเลือดกรุ๊ปเอ คือ อาหารประเภทมังสวิรัติ หรือรับประทานเนื้อสัตว์เพียงเล็กน้อย



ส่วนเลือดกรุ๊ปบี ที่รับประทานอาหารทั้งผักทั้งเนื้อสัตว์ได้ในสัดส่วนที่เท่ากัน จึงมีความว่องไว ให้ออกกำลังกายอย่างสมดุล ไม่หักโหมหรือเชื่องช้าเกินไป เช่น ว่ายน้ำ เดินเร็ว วิ่งเหยาะๆ กอล์ฟ ปิงปอง


สำหรับผู้ที่มีเลือดกรุ๊ปเอบี เปรียบเสมือนส่วนผสมของกรุ๊ปเอและบี ให้สังเกตตนเองว่ามักเลือกรับประทานอาหารของกรุ๊ปเอ หรือกรุ๊ปบีมากกว่ากัน เมื่อทราบแล้วก็ให้ออกกำลังกายตามลักษณะของเลือดกรุ๊ปนั้น แต่ก็ควรเพิ่มการออกกำลังกายในแบบที่เหมาะกับเลือดอีกกรุ๊ปด้วย เช่น มักรับประทานผักและผลไม้อย่างคนเลือดกรุ๊ปเอ ก็ให้ออกกำลังกายแบบช้า ๆ เป็นหลัก และเสริมด้วยการออกกำลังกายของคนเลือดกรุ๊ปบีบ้าง


ขณะที่คนเลือดกรุ๊ปโอ เหมาะสมกับการออกกำลังกายชนิดที่ต้องออกแรงมาก เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล วิ่งทางไกล ชกมวย เนื่องจากสภาพร่างกายสามารถบริโภคเนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูงและผักได้ในปริมาณมาก ทำให้มีโครงกระดูกที่แข็งแรง กล้ามเนื้อกระชับแน่น


ไม่ว่าคุณจะมีเลือดอยู่ในกรุ๊ปใด ต้องไม่ลืมการเดินเร็ว 10 นาที หลังจากออกกำลังกายตามกรุ๊ปเลือดทุกครั้ง นอกจากนี้ยังควรออกมายืดเส้นยืดสายเคลื่อนไหวร่างกายให้ผิวหนังถูกแสงแดดราว 20 - 30 นาที ในช่วงเวลา 11.00 - 14.00 น. เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวมีรังสียูวีในระดับเข้มข้น ช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินดี 3 เพื่อช่วยลำเลียงแคลเซียมและแร่ธาตุต่าง ๆ ไปยังกระดูก โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นมะเร็งผิวหนัง หากไม่ได้ออกมารับแสงแดดด้วยการนอนอาบแดดอยู่เฉย ๆ กับที่ซึ่งเป็นอันตรายต่อผิวหนัง.


ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

หลากอารมณ์ของแต่ละกรุ๊ปเลือด

ยามที่พูดคุยในหมู่เพื่อนๆ


กรุ๊ป A คุณเม้าท์เก่งมากในหมู่เพื่อนๆเรียกว่าเป็นจุดศูนย์กลางในการพูดคุยเลยทีเดียวเ วลาจับกลุ่มคุยกัยทีพูดกันได้เป็นชั่วโมงเชียวล่ะ

กรุ๊ป B คุณเป็นคนสนุกสนาน เวลาพูดชอบออกท่าทางประกอบ ทำให้เพื่อนๆเข้าใจและคล้อยตามไปด้วย ดึงดูดความสนใจผู้คนได้ดี

กรุ๊ป AB คุณชอบเป็นฝ่ายฟังเสียมากกว่า ทุกคนจึงชอบพูดคุยถึงปัญหาต่างๆ ให้ฟังอยู่เรื่อย แต่บางทีการที่วิจารณ์คนอื่น ตรงไปตรงมาก็อาจทำให้คนไม่ชอบคุณบ้างเหมือนกัน

กรุ๊ป O ชอบเป็นจุดเด่นเชียวนะคุณ ถ้ามีคนสนใจล่ะก็ถึงไหนถึงกันสิ ถ้าใครทำเป็นว่าไม่สนใจ ก็จะฉุนกึ๊กขึ้นมาทันที


ยามที่ทะเลาะกับชาวบ้าน


กรุ๊ป A คุณเป็นคนเยือกเย็น สุขุม ไม่ชอบเถียงใครให้วุ่นวาย เพราะฉะนั้นเวลาที่คุณไม่พอใจใครก็จะใช้สายตาปราม อย่างมากก็จะตำหนินิดๆหน่อยๆแค่นั้นเอง

กรุ๊ป B ถ้าคุณโมโหขึ้นมาล่ะก็ หายห่วง ไ! ม่เห็นแก่หน้าใครหรอก เป็นลูกระเบิดย่อมๆทีเดียว ใครทะเลาะกับคุณนี่ถือว่าซวยจริงๆ ว่างั้นเถอะ

กรุ๊ป AB คุณไม่ชอบเรื่องทะเลาะนักหรอก ส่วนมากถ่ามีเรื่องกันก็ไม่ใช่ คุณที่เป็นฝ่ายก่อเรื่องก่อนความใจเย็นของคุณจะทำให้ระงับสติอารมณ์ได้มากเมื่อ ต้องวีนกับใคร

กรุ๊ป O บู๊มากเลยนะคุณนี่ ต่อให้สู้กับใครก็ไม่ถอย วีนกับเขาได้ทุกรูปแบบ ถ้าเถียงกับใครล่ะก็ไม่มียอมง่ายๆหรอก นอกจากจะแพ้ชนะกันไปข้างหนึ่ง เฮ้อ เหนื่อยแทน


เรื่องราวของความรัก


กรุ๊ป A คุณเป็นคนขี้ขลาดไม่กล้าที่จะแสดงให้เขารู้ว่าคุณมีใจให้ดังนั้นคนกรุ๊ปนี้ส่วนใหญ่จะไม่สามารถสมหวังในความรักได้อย่างรวดเร็ว เพราะมักต้องใช้เวลาพอสมควรในการตัดสินใจ

กรุ๊ป B หากคุณสนใจใคร คุณก็มักคิดหาวิธีในการเชื่อมสัมพันธ์กับเขาได้อย่างรวดเร็ว แต่บางครั้งการไม่คำนึงถึงสภาพการณ์จะทำให้เกิดภาพพจน์ที่ ไม่ดีในสายตาคนอื่นกับตัวคุณเอง

กรุ๊ป AB คุณมักทำให้เขาเป็นฝ่ายเข้ามาหาคุณเองมากกว่าคุณจะเป็นฝ่ายติดต่อเข้ากับเขาก่อน คุณจึงมักถูกตามตื๊อขอความรักจากชายหนุ่มมากมาย

กรุ๊ป O คุณเป็นคนมีนิสัยตรงไปตรงมา รักใครแล้วคุณก็จะแสดงออกเปิดเผยกับเขาตรงๆ เชื่อสัมพันธ์กับเขาทันที เป็นความรักที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่บางครั้ง ก็ควรคำนึงถึงจิตใจเขาด้วยว่าเขาคิดกับคุณในแบบที่คุณคิดหรือเปล่า


เวลาเฮิร์ท


กรุ๊ป A หากมี่เรื่องที่ทำให้คุณต้องเสียใจ คุณก็จะเฝ้าครุ่นคิดถึงสาเหตุที่ทำให้คุณเสียใจ ตลอดเวลา และคุณจะไม่สามารถทำใจได้จนกว่าคุณจะยอมรับในเรื่องนั้น คุณเป็นคนที่ลืมอะไรได้ยาก เพราะนิสัยขิงคุณเป็นคนคิดมาก

กรุ๊ป B คุณเป็นคนที่มีอารมณ์ร้อน หากคิดจะทำอะไรแล้วก็จะทำทันทีโดยไม่ยั้งคิด แต่เมื่อคิดได้ก็มักสายเกินแก้จนต้องเสียใจภายหลัง และเป็นเรื่องที่จะทำให้คุณรู้สึกเสียใจไปตลอด

กรุ๊ป AB ถึงแม้เป็นเรื่องที่ทำให้คุณต้องเสียใจ แต่คุณก็จะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นกลุ่มที่มักไม่ค่อยแสดงอาการเสียใจออกมาให้เห็น กรุ๊ป O คุณเป็นคนไม่ชอบครุ่นคิดในเรื่องเล็กๆน้อยๆเรื่องที่ทำให้เสียใจ คุณก็สามารถทำใจได้อย่างรวดเร็วและลืมไปได้ในเวลารวดเร็ว


ความขยันเรื่องเรียน


กรุ๊ป A คุณเป็นคนรอบคอบจริงจังในเวลาทบทวนตำราเรียน คุณจะนั่งทบทวนจนถึงกับลืมเวลาไปเลย ดังนั้นคุณควรแบ่งเวลาให้ถูกต้องด้วย

กรุ๊ป B ความขยันมักขึ้นกับอารมณ์ของคุณ เพราะคุณมักมีนิสัยที่เปลี่ยนใจง่าย ดังนั้นผลการสอบที่ออกมามักขึ้นกับอารมณ์ของคุณตอนช่วงที่ดูตำราก่อนสอบเสมอ

กรุ๊ป AB คุณชอบเตรียมวางแผนในเรื่องต่างๆไว้ล่วงหน้าเสมอ แต่บางครั้งก็ไม่สามารถทำตามแผนการ ที่วางแผนไว้ได้ หากยึดมั่นตามแผนการเกินไป กลับจะเป็นผลเสียมากกว่าดังนั้นคุณไม่ควรหักโหมจนเกินไปทำเท่าที่คุณสามารถทำได้

กรุ๊ป O ในเรื่องที่คุณไม่ชอบคุณจะรอจนกว่าใกล้ๆเวลาแล้วจึงค่อยทำ เช่นการสอบ คุณมักรอจนกว่าใกล้สอบแล้วจึงค่อยอ่าน โดยเฉพาะวิชาที่คุณไม่ชอบ แต่หากคุณมีความพยายามคุณก็สามารถทำได้ดีทีเดียว


ถ้าอยากให้เขาดีใจ?


กรุ๊ป Aบอกเขาด้วยการแสดงออกและกิริยาเว่อร์ สิ่งที่จะทำให้คนกรุ๊ป A ดีใจก็คือคุณนั่นเอง บอกให้เขารู้ว่าคุณมีความสุขมาก เมื่ออยู่กับเขาด้วยการแสดงออกทางสีหน้า และท่าทางเว่อร์ๆใช่แล้วต้องสอพลอเขาหน่อยล่ะ

กรุ๊ป B ต้องการคนคุ้มครอง คนกรุ๊ปเลือดนี้ เป็นพวกที่ชอบไปงานเทศกาล ถ้าชวนเขาไปงานวันเกิด ไปเที่ยวปิกนิค ทำกิจกรรมล่ะก้อจะตื่นเต้นยินดี๊ ยินดี นอกจากนี้ก็ยังมีนิสัยเด็กๆอยากได้คนมาปกป้องดูแล และเป็นที่ปรึกษา

กรุ๊ป AB ชอบลูกยอ คนกรุ๊ป AB จะดีใจมากเลยถ้าคู่สนทนาตั้งใจฟังเรื่องที่เขากำลังพูดอยู่ และพูดตอบรับว่า "จริงด้วย!" "เข้า! ใจ เข้าใจแล้ว" ก็ชมเขาเกี่ยวกับเสื้อผ้าหรือเสื้อประดับ

กรุ๊ป O ชอบกินชอบคุย คนกรุ๊ป O ชอบกิน ชอบคุยมากที่สุด เชี่ยวชาญทางด้านการชิมเชียวล่ะ น้องๆเชลล์ชวนชิมมาเอง เขาคงดีใจนะถ้าคุณคุยกับเขาเกี่ยวกับร้านอาหารที่มีของกินอร่อย หรือคุยเรื่องสนุกๆและเป็นคนแพ้ของขวัญด้วยล่ะ


วิธีปลอบใจเวลาเศร้า

กรุ๊ป Aพูดปลอบใจเขาดีๆ สิ่งสำคัญสำหรับคนกรุ๊ป A ที่แสนจะเงียบขรึมก็คือ คำพูดปลอบใจอันหวานหูเมื่อเขารู้สึกขมขื่นคุณควรจะอยู่ใกล้ๆเขาตลอดเวลา หรือโทรศัพท์ไปหาก็โอเคนะ

กรุ๊ป B ใช้ยุทธวิธีให้ของขวัญ สำหรับคนกรุ๊ป B น่ะไม่ต้องไปปลอบใจเขาหรอก ไม่จำเป็นเลย ดีไม่ดีจะไม่ชอบใจเอาเสียด้วยซ้ำ ถ้าคุณใช้วิธีซื้อขนมหรือของขวัญให้เขา จะได้ผลกว่านะ

กรุ๊ป AB ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียว มันเป็นเรื่องยากที่จะจับความรู้สึกของคนกรุ๊ป AB เวลาที่เขาเศร้า ก็ชอบที่จะเศร้าเงียบๆคนเดียว ยิ้มให้เขา แค่นั้นก็พอ แล้วก็ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียว

กรุ๊ป O ฟังเมื่อเขาระบายความทุกข์ ดูภายนอกแล้วจะเป็นคนเข้มแข็ง แต่ในความเป็นจริง คนกรุ๊ป O จะเป็นคนที่อ่อนไหวง่าย เขารอคอยคนที่จะพูดว่า"ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอดีจ้ะ" ฟังเมื่อเขาระบายความขมขื่น กุมมือเขาไว้ด้วยก็ดี เขาจะได้รู้สึกอบอุ่น



ทำอย่างไรให้เขาหายโกรธ



กรุ๊ป A เจ้าคิดเจ้าแค้น ถ้าโกรธขึ้นมาเมื่อไหร่ล่ะก้อหายยากเลยล่ะ นี่แหละแบบฉบับความโกรธของคนกรุ๊ป เพราะเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น อย่าพยายามยับยั้งเขา แต่ปล่อยให้เวลาช่วยคลายอารมณ์

กรุ๊ป B โกรธได้ไม่นานก็ลืมแล้ว โกรธได้ไม่นาน อย่าไปสนใจเลยถ้าคนกรุ๊ป B เกิดโมโหโทโสขึ้นมา ถ้าขืนไปใส่ใจมาก จะยิ่งไปกันใหญ่ พยายามทำตามแบบเขาคือลืมๆไปซะ ยิ่งลืมเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี

กรุ๊ป AB จัดการด้วยยาก ก้มหัวยอมเขาหน่อย คนๆนี้จัดการยาก เป็นคนชอบความมีเหตุผลแต่ค่อบข้างเข้าข้างตัวเอง ที่เขาโกรธถึงขนาดนั้นแสดงว่าเขามีเหตุผลของเขา ไม่ต้องจับเข่าคุยกันหรอก แต่ยอมก้มหัวขอโทษเขาเท่านี้ ความมีน้ำโหก็จะคลายลง

กรุ๊ป O พูดคุยกันรู้เรื่อง อธิบายด้วยเหตุผล์ เป็นคนน่ากลัวเมื่อถูกทำให้โกรธ แต่ถ้ารู้ว่าสาเหตุคืออะไรก็จะหายทันที การอธิบายอย่างมีเหตุผลเป็นจุดสำคัญของคนกรุ๊ปเลือดนี้

แบบไหนที่เขาจะสนุกสุดเหวี่ยง?


กรุ๊ป A กรี๊ดกร๊าดในกลุ่มเพื่อน สิ่งที่จะทำให้คนกรุ๊ป A ที่ชอบโหวกเหวกสนุกได้ก็คือ สรรหาคนที่เขาชอบรวมทีมกรี๊ดกร๊าดไปตามเรื่อง แต่ต้องเป็นทีมที่มีคนร้อนๆนะ

กรุ๊ป B สนุกกับการเล่นกีฬา และการออกไปข้างนอก คนกรุ๊ป B เป็นคนที่มีพลังจะสนุกสุดเหวี่ยงเมื่อได้เคลื่อนไหวร่างกาย ชอบยุ่งกับการออกไปข้างนอกเล่นกีฬา มากกว่านั่งเล่นอยู่กับบ้านเฉยๆ

กรุ๊ป AB เกลียดที่จะกรี๊ดกร๊าดไร้สาระแต่ชอบร้องเพลง ไม่ค่อยสนุกกับคนอื่นเขากหรอกแถมยังไม่ชอบกรี๊ดกร๊าดวุ่นวายกับคนอื่น แต่อย่าให้ได้จับไมค์เชียวนะเป็นร้องไม่หยุด ไล่ไม่เลิกเลยทีเดียว

กรุ๊ป O เบิกบานกับการพูดคุยจุ๊กจิ๊ก คนกรุ๊ป O จะรู้ดีว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ตัวเองสนุกได้ โน่นคือความสนุกสนานที่ได้พูดคุย ทำให้คนอื่นร่าเริงแม้ว่าตอนนั้นสถานการณ์จะไม่ใคร่ดี คุณก็พูดคุยจ๊อกแจ๊กไปตามประสา

Affordable Web Hosting




ทายนิสัยจากท่าทางยามเสียใจ




ทายนิสัยจากท่าทางยามเสียใจในเวลาที่คนเราเสียใจ ก็มักจะมีการแสดงออกต่างๆกันและการแสดงออกนั้นเองที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวตนที่แท้จริง(ถึงแม้ว่าบางครั้งจะพยายามปกปิดซ่อนไว้ก็ตามทีเถอะ)โดยเฉพาะยามที่มีเรื่องเสียใจมากๆนั่นล่ะพื้นฐานชีวิตและจิตใจจะปรากฏออกมาอย่างชัดเจนอยากจะรู้ใจคนใกล้ชิดให้ลึกซึ้งกว่าเดิมก็ลองพิสูจน์ด้วยวิธีนี้ดูสิ!


ร้องไห้ไม่ยอมหยุดใครก็ตามที่เมื่อมีเรื่องเสียใจมากๆก็ร้องไห้ไม่ยอมหยุดแม้ว่าจะไม่สะอื้นฮักๆออกมา แต่ก็มีน้ำตาคลอจนดวงตาแดงก่ำไปหมดแสดงว่าเป็นคนที่จริงจังในชีวิตเมื่อเชื่อถืออะไรสักอย่าง ก็จะเชื่อมั่นอย่างนั้นไปตลอดกาล เป็นคนซื่อสัตย์เกลียดการโกหกหลอกลวงและจะรับไม่ได้เลยกับการเอาเปรียบ ฉ้อโกง หรือรังแกกันและกันแต่เมื่อผ่านวิกฤติการณ์ไปแล้วหรือหลังจากผ่านการร้องไห้อย่างหนักไปแล้วคนแบบนี้มักจะตัดใจหรือตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด


เก็บตัวเพียงลำพังส่วนคนที่เวลามีเรื่องเสียใจ ก็ชอบหลีกหนีผู้คนไปอยู่เพียงลำพังเก็บตัวเงียบๆไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับใครแสดงว่าเป็นคนสะเทือนใจง่าย ช่างคิดชอบใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลมักมีโลกส่วนตัวซึ่งยากที่ใครๆจะเข้าถึง ติดนิสัยปิดกั้นตัวเองแต่ในขณะเดียวกัน เมื่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์คับขันอย่างแท้จริงก็จะเป็นผู้ที่มีความอดทนสูงอย่างไม่น่าเชื่ออีกอย่างหนึ่งคือเป็นคนที่มีใจรักศิลปะ


อาละวาดหรือปาข้าวของแต่ถ้าใครเสียใจมากๆแล้วแสดงออกด้วยการโยนข้าวของหรืออาละวาดพาลเกเรกับคนอื่นแสดงว่าเป็นคนที่มักมีวัยเกขาดความอบอุ่น โตขึ้นจะมีนิสัยเรียกร้องความสนใจจะมีความต้องการความรัก ความห่วงใยจากคนอื่นค่อนข้างมากชอบตอบโต้ผู้อื่นด้วยการแสดงท่าทีก้าวร้าว แต่ในใจลึกๆแล้วกลับไม่ใช่คนเก่งกล้าอะไรเลยค่อนข้างจะอ่อนแอด้วยซ้ำไป ส่วนคนที่เวลาเสียใจไม่อาละวาดทำร้ายคนอื่นแต่กลับทำร้ายตัวเองแทนจริงๆแล้วแสดงว่าเป็นคนขี้กลัว มักจะมีท่าทางเรียบร้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่นแต่ใจลึกๆกังวลและกดดันจะเป็นคนที่ชอบการแสดงออกอย่างตรงกันข้าม เช่นกลัวก็จะทำเป็นกล้า ไม่พอใจก็จะทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและบางคนก็อาจจะชอบเก็บตัวอยู่ในที่ที่รู้สึกว่าปลอดภัยแต่ในที่สุดแล้ว ก็ต้องการความรักและความเห็นใจจากคนอื่นๆมากเช่นกัน


ทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นส่วนคนที่เวลาเสียใจ ก็จะยิ่งทำตัวเข้มแข็ง เฮิร์ทแค่ไหนก็ทำเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในชีวิตซักหน่อย นั่นแสดงว่าเป็นคนที่มีความหยิ่งอยู่ในตัวเป็นคนคิดมากเรื่องศักดิ์ศรี ไม่ชอบการตกเป็นเป้าสายตาใครในเรื่องเสียหายและจะมีความเชื่อมั่นมากว่าตัวเองสามารถควบคุมสถานการณ์ต่างๆในชีวิตของตัวเองได้เมื่อมีปัญหาจะพยายามแก้ไขด้วยตัวเองก่อนที่จะร้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น


ออกเที่ยวหรือพบปะเพื่อนฝูงมากๆสำหรับคนที่เสียใจแล้วไม่ชอบอยู่คนเดียว ต้องออกไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆหรือเริ่มติดต่อไปหาเพื่อนฝูงแบบว่าที่ยังไๆก็ขอให้มีคนอื่นอยู่ด้วยแสดงว่าเป็นคนที่รู้จักตัวเองดี รู้ว่าตัวเองมีเป้าหมายอย่างไรบ้างในชีวิตต้องการอะไรกันแน่เวลาทำอะไรก็จะผลักดันให้ตัวเองไปสู่เป้าหมายจนกว่าจะสำเร็จเป็นคนที่ควบคุมตัวเองได้อย่างดีเยี่ยมแม้ว่าลึกๆแล้วจะเจ็บปวดหรืออ่อนไหวแค่ไหนก็จะอดทนไม่ยอมแพ้จัดว่าเป็นคนที่มีวุฒิภาวะสูงมากทีเดียว

ทำงานอย่างหนักส่วนคนที่พอมีเรื่องเสียใจก็มุมานะทำงานแสดงว่าเป็นคนที่ชอบการลิขิตชีวิตตัวเอง ไม่เชื่อเรื่องของพรหมลิขิตหรอืโชคชะตาจะภูมิใจมากในสิ่งที่ตัวเองหามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงคนแบบนี้เมื่อรักใครก็จะทุ่มเทจนหมดกายหมดใจแต่ถ้าหมดรักใครก็จะตัดใจได้อย่างเด็ดขาดเช่นกันและถ้าหากมีความสุขมากๆ ก็จะชอบแบ่งปันให้คนอื่นเพราะเป็นคนที่รักและจริงใจเพื่อนพ้องและครอบครัวตราบใดที่คนอื่นๆไม่เข้ามาจุ้นจ้านยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวมากเกินไป

หาทางแก้แค้น (กรณีคนอื่นทำให้เสียใจ)และถ้าใครมี่เวลาเกิดเรื่องทำให้เสียใจ ก็จะคิดไปถึงเรื่องการแก้แค้นโต้ตอบเอาคืน ทำอะไรไม่ได้ ขอสาปแช่งก็ยังดี(กรณีเสียใจเพราะผู้อื่น)เรียกง่ายๆว่าถือคติ"กรรมต้องสนองด้วยการของเวรเท่านั้น)แสดงว่ามักเป็นคนลุ่มหลงอะไรง่ายจนบางครั้งหลงผิดอยู่บ่อยๆแต่ก็ไม่รู้ตัวจะเป็นคนซีเรียสในเรื่องสมบัติทรัพย์สิน เป็นคนไม่ยอมคนหรือบางทียอมหักไม่ยอมงอด้วยซ้ำไปแต่ถ้ารักใครก็รักจริงเอามากๆ


ทัศนคติ อยู่เหนือความเป็นจริง


ข้อคิดและข้อปฎิบัติสำหรับผู้ต้องการเพิ่ม EQ ของตัวเอง :



หัดคิดแต่ด้านบวก ***แล้วจะรู้ว่ามีแต่สิ่งที่เป็นไปได้***

หัดฝัน ***แล้วจะรู้ว่าโลกนี้น่าอยู่***

หัดพูดแต่ด้านบวก ***แล้วจะรู้ว่ามีคนอีกมากมายที่รักเรา***

หัดยิ้ม ***แล้วจะรู้ว่าเราคือคนที่น่ารัก***

หัดฟาดฟันกับอุปสรรค ***แล้วจะรู้ว่าเราคือคนที่เข้มแข็ง***

ลองทน ***แล้วจะรู้ว่าเรามีความอดทนยิ่งกว่าใคร***

ลองออกกำลังกายทุกวัน ***แล้วจะรู้ว่าเราคือมนุษย์เจ้าพลังคนหนึ่ง***

ลองคิดเอาชนะ ***แล้วจะรู้ว่าเราสามารถเอาชนะตัวเองได้ไม่ยาก***

ลองคิดให้ใหญ่ ***แล้วจะรู้ว่าเรามีความสามารถอย่างน่าแปลกใจ***


นักพูดที่เป็นที่รู้จักกันดีท่านหนึ่งได้เริ่มหยุดการสัมนาของเขาโดยการหยิบ

แบงค์ 1,000 บาทขึ้นมา ในห้องที่มีผู้เข้าร่วม 200 ท่าน แล้วเขาก็พูดว่า

"ใครอยากได้แบงค์ 1,000 นี้บ้าง?" มือได้ถูกยกขึ้นเป็นจำนวนมาก และเขาก็พูดต่อว่า

"ฉันจะให้เงินแบงค์1,000 นี้แก่หนึ่งในพวกท่านแต่ครั้งแรกนี้ฉันจะทำอย่างนี้"

เขาเริ่มที่จะขยำๆเงินนั้นแล้วเขาก็ถามอีกว่า "ใครจะยังต้องการมันอีก"

ยังคงมีมือที่ยกขึ้นอีก "ดี" เขาตอบ

"แล้วถ้าฉันทำอย่างนี้ล่ะ"

และเขาก็ทิ้งมันลงที่พื้นและเริ่มที่เหยียบย่ำมันด้วยรองเท้าของเขา แล้วเขาก็เก็บขึ้นมา ขณะนี้มันทั้งยับยู่ยี่และสกปรก

"ตอนนี้ใครยังต้องการมันอีก" ก็ยังคงมีคนยกมืออีก

"เพื่อนๆคุณได้เรียนรู้บทเรียนที่มีคุณค่ามากที่สุดบทหนึ่งแล้วว่าไม่ว่าฉัน จะทำอะไรกับเงิน คุณก็ยังต้องการมันอยู่

เพราะว่ามันไม่ได้ลดคุณค่าในตัวมันลงเลย มันก็ยังคงมีค่า1,000 บาทอยู่นั่นเอง

เหมือนกับหลายๆครั้งในชีวิตของเรา ที่ถูกทิ้ง,ถูกเหยียบย่ำ และถูกทำให้สกปรก

โดยสิ่งที่เราตัดสินใจทำมันและสภาพแวดล้อมที่เราเจอ ทำให้เรารู้สึกว่าคุณค่าของเราลดน้อยลง

แต่ไม่ว่าอะไรที่ได้เกิดขึ้น หรืออะไรที่จะเกิดขึ้น คุณไม่เคยสูญเสียคุณค่าของคุณ

คุณเป็นคนพิเศษ -- อย่าลืมมันตลอดไป!"

"อย่านำความผิดหวังของเมื่อวานมาบดบังความฝันในวันพรุ่งนี้"

"ทัศนคติ อยู่เหนือความเป็นจริง"




เกิดวันอะไร เหมาะกับงานแบบไหน


เกิดวันอะไร เหมาะกับงานแบบไหน

คนเกิดวันที่ 1


คนที่เกิดวันนี้จะเป็นคนที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ชอบความท้าทายตลอดเวลาสไตล์การทำงาน : เป็นที่ชอบคิดในสิ่งต่างๆ แปลกใหม่ตลอดเวลา สามารถแก้ไขปัญหาให้กับคนอื่นได้ดี ด้วยเหตุผลที่ว่า "สิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ จะมีทางเป็นไปได้" ในการทำงานคุณชอบเป็นคนวางแผนอนาคตไว้ด้วยตัวเองอาชีพที่เหมาะสม : คุณเหมาะกับอาชีพที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ ใช้ความคิดของตนเองในการนำเสนอออกมา อาจจะเป็น ดีไซน์เนอร์ ครีเอทีฟ หรือศิลปิน



คนเกิดวันที่ 2

เป็นคนที่มีความประนีประนอม มีเหตุผลในด้านความคิดสไตล์การทำงาน : คุณเป็นคนรู้จักในการวางตัว และวาจาในการพูดคุยกับคนอื่นเป็นเยี่ยม แต่ลักษณะงานของคุณนั้นจะเป็นลักษณะที่ร่วมมือกับผู้อื่นมากกว่าที่จะทำคนเดียวอาชีพที่เหมาะสม :ที่ปรึกษา นักสังคมสงเคราะห์ หรือเป็นเจ้าของกิจการต่างๆ เช่น ร้านอาหาร ร้านหนังสือ นักกฎหมาย สถาปนิก ผู้รับเหมาก่อสร้าง พยาบาล แพทย์



คนเกิดวันที่ 3

เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์อยู่เสมอ และมีความเป็นตัวของตัวเองมาก จะไม่ค่อยสนใจและแคร์ใคร สไตล์การทำงาน :ชอบทำงานประเภทพบปะกับผู้คนมากๆเหมาะกับทำงานเป็นทีม คือ ในเรื่องติดต่อประสานงานกับบุคคลภายในและภายนอกองค์กร และคุณยังเป็นคนที่จุดประกายความคิดที่ดีเสมอ ทำให้เพื่อนร่วมงานของคุณพอใจอาชีพที่เหมาะสม : งานประชาสัมพันธ์ งานบริการดูแลลูกค้า หรืองานที่เกี่ยวข้องกับการประสานงาน เช่น งานออร์แกไนเซอร์ พนักงานต้อนรับโอเปอเรเตอร์



คนเกิดวันที่ 4

เป็นผู้ที่มีความฉลาด ไหวพริบ เบิกบาน ไม่ยอมใคร แต่ก็ไม่โกงใครด้วย เอาง่ายๆว่าเป็นคนที่เปิดเผย ตรงไปตรงมา สไตล์การทำงาน :คุณเป็นคนใจกว้างมากเลยทีเดียว ทำให้เพื่อนร่วมงานของคุณหาคนมาช่วยเหลือคุณ อาจจะหาได้ไม่เหมาะสมก็ได้ ทำให้การทำงานของคุณต้องพึ่งตัวเองป็นส่วนใหญ่อาชีพที่เหมาะสม :งานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ โปรดิวเซอร์ ที่ปรึกษาด้านการเงินทนายความ สถาปนิก ผู้รับเหมา วิศวกร ศิลปินแขนงต่าง ๆ



คนเกิดวันที่ 5

คุณเป็นคนที่ฝักใฝ่หาความรู้อยู่เสมอ รักการค้นหาและศึกษา เป็นคนที่ช่างสังเกต สามารถเป็นผู้นำได้ สไตล์การทำงาน :เป็นคนที่มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ เมื่อได้รับงานที่มอบหมายมาใหม่ แต่ถ้าคุณทำงานในแบบเดิมๆคุณจะเบื่อหน่ายเร็ว และยังมีความสามารถในการสื่อสารที่ดีด้วยอาชีพที่เหมาะสม :วงการโทรทัศน์ หรืองานประชาสัมพันธ์ เช่น นักเขียน นักบรรยาย อาจารย์มหาวิทยาลัย นักการศึกษา นักโฆษณา



คนเกิดวันที่ 6

คุณเป็นคนคิดว่าตัวเองโดดเดี่ยว ไม่กล้าขัดใคร เป็นคนที่ชอบอยู่แวดวงสังคม สไตล์การทำงาน :คุณเป็นคนที่มีพรสวรรค์มาก ชีวิตของคุณจะก้าวหน้ามากกว่าคนอื่น แต่เมื่อคุณได้ทำอะไรบ้างอย่างแล้วนั้นและเป็นสิ่งที่ตนเองถนัดคนก็จะทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว และในทางกลับกันถ้างานไหนคนไม่ชอบคนก็จะไม่ฝืนที่จะทำมัน อาชีพที่เหมาะสม :งานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ อาชีพเพื่อสังคม งานบริการต่าง ๆงานที่ต้องใช้อารมณ์และความสุนทรีภาพสูง ๆ



คนเกิดวันที่ 7

คุณเป็นคนที่ทะเยอทะยานเกินกว่าที่จะเป็น และยังเป็นคนที่ช่างแสวงหาอีกด้วย สไตล์การทำงาน :เป็นคนมีหลักการมาก คิดใคร่ครวญ ไตร่ตรองรอบคอบมากๆ เป็นคนที่ชอบอยู่คนเดียว มีความเป็นส่วนตัวสูง ชอบความสันโดษอาชีพที่เหมาะสม :นักบำบัด นักเขียน นักกฎหมาย ช่างถ่ายรูป นักวิจัย นักวิเคราะห์ ครูบาอาจารย์



คนเกิดวันที่ 8

เป็นผู้นำ ประเภทที่ว่ากล้าได้กล้าเสีย เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย หากแพ้หรือมีข้อผิดพลาดจะขอแก้ตัวอยู่เสมอ สไตล์การทำงาน :คุณเป็นคนที่ทำงานได้ดี และไม่ชอบที่จะอยู่นิ่งๆนานๆ มักจะย้ายๆไปโน้นไปนี่บ่อยๆ เพื่อได้เป้าหมายที่ท้าทายกว่าเดิม คุณเป็นคนที่ทำอะไรรวดเร็ว จนคนรอบข้างคุณปรับตัวไม่ทัน แต่คุณก็ดูมีความสุขกับการทำงานไม่เครียด และยังคงอยู่ในสภาพการทำงานได้นานโดยไม่เหนื่อยกับงานมากเกินไป อาชีพที่เหมาะสม :งานทางด้านการเงิน ฝ่ายติดต่อประสานงานต่าง ๆ ผู้นำทางการเมือง ผู้นำทางศาสนา นักกฎหมาย นักบุญ และธุรกิจบันเทิง



คนเกิดวันที่ 9

คุณจะปราดเปรื่องเรื่องจิตวิทยา เพราะจะเข้าใจในคนใกล้ตัวด้วยการสังเกตการณ์ สไตล์การทำงาน :การประสบความสำเร็จของคุณไม่ค่อยได้เห็นเท่าไร แต่ว่าคุณจะมองเห็นอะไรต่างได้เด่นชัดกว่าผู้อื่น จึงทำให้คุณก้าวก่อนคนอื่นเสมอ แต่คุณยังเป็นคนที่ทำตามใจตัวเองอยู่อาชีพที่เหมาะสม :ครูบาอาจารย์ นักปราชญ์ นักเขียน ช่างภาพ ศิลปิน นักบำบัด นักวางกลยุทธ์ นักแต่งหนังสือ นักขาย นักบริหาร



คนเกิดวันที่ 10

คุณเป็นคนที่ดิ้นรนด้วยตัวคุณเอง จนสำเร็จได้ นับถือตัวเองมากกว่าใครสไตล์การทำงาน :มีความเชื่อมั่นสูง และศรัทธาในตัวเองอยู่ด้วย จึงทำให้คนรอบข้างของคุณอุ่นใจเมื่อมีคุนอยู่ใกล้ๆอาชีพที่เหมาะสม :นักวิทยาศาสตร์ นักบิน นักการศึกษา นักสื่อสารมวลชน ศิลปิน เทรนเนอร์ นักสิ่งแวดล้อม



คนเกิดวันที่ 11

ผู้ที่ไม่เคยหยุดนิ่งจะดิ้นรนเพราะไม่พอใจกับสถานภาพที่เป็นอยู่ของตนเอง แต่เป็นนักคิดสร้างสรรค์ จะริเริ่มในสิ่งใหม่ๆในชีวิตเสมอ สไตล์การทำงาน :คุณจะทำทุกอย่างในสิ่งที่คุณชื่นชอบ เพราะคุณจะสนุกสนานกับการทำงาน โดยคุณจะมีเอกลักษณ์การทำงานไม่เหมือนใคร เพราะคุณจะก้าวหน้ากว่าใครก็ด้วยในสิ่งนี่แหล่ะจะบ่งบอกความเป็นตัวคุณอาชีพที่เหมาะสม : นักเขียน นักแสดง ศิลปิน นักปรัชญา นักศาสนา นักธุรกิจ นักประพันธ์ ที่ปรึกษาทางธุรกิจหรือด้านต่าง ๆ



คนเกิดวันที่ 12

เป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาดในตัวของคนเอง เพื่อให้ไปสู่ความประสบความสำร็จ สไตล์การทำงาน :เรื่องที่เค้าว่ายากกัน แต่คุณสามารถสรุปมันให้ง่ายต่อการคิดและการปฏิบัติได้ อย่างกระชับ ชัดเจน สามารถนำไปทำได้ทันที ทำให้คุณทำงานได้รวดเร็วและถูกต้องอยู่เสมอๆอาชีพที่เหมาะสม :งานที่เกี่ยวข้องกับติดต่อกับคนที่มากๆ



คนเกิดวันที่ 13

เป็นคนที่คิดรอบคอบในการแก้ไขปัญหา เพื่อความยุติธรรม มั่นคง และแน่นอน และเอกลักษณ์ของคนที่เกิดวันนี้คือเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์มากคนหนึ่ง สไตล์การทำงาน :บอกได้คำเดียวว่า "ช้าแต่ชัวร์"อาชีพที่เหมาะสม :งานทางด้านเงิน นักสังคมสงเคราะห์ งานก่อสร้าง งานประชาสัมพันธ์ ผู้กำกับ



คนเกิดวันที่ 14

คุณเป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน มุ่งมั่นอย่างมาก แต่จะใช้อารมณ์ในการตัดสินใจมากกว่าเหตุผล สไตล์การทำงาน :เรื่องการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับคุณ เพราะคนเป็นคนที่มีความยืดหยุ่นสูง คุณเป็นคนที่มีความเข้าใจและการเรียนรู้ที่รวดเร็ว สามารถรู้ความเป็นไปของสถานการณ์ได้ดีเยี่ยมอาชีพที่เหมาะสม : นักเจรจาต่อรอง นักวิทยาศาสตร์ นักโบราณคดี นักสังคมวิทยา นักประมูลผู้จัดการฝ่ายขาย โค้ชกีฬา เทรนเนอร์ นักข่าว นักพาณิชยศิลป์



คนเกิดวันที่ 15

มีความพยายาม ความเพียร เพื่อให้เกิดความสำเร็จ คุณจึงคิดว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำหรับคุณ แต่ก็มีความคิดแบบเห็นแก่ตัวบ้าง สไตล์การทำงาน :ความเด็ดเดี่ยวของคุณ ทำให้คุณคุณวางเป้าหมายอย่างแน่ชัดเพื่อความสำเร็จ คุณยังกระหายการเรียนรู้เสมอ เพื่อให้ทันกับสถานการณ์ใหม่ๆ คุณเป็นคนที่มีความสามารถมากอาชีพที่เหมาะสม :สถาปนิก ครูอาจารย์ นักวิชาการ มัณฑนศิลป์ บรรณารักษ์ นักวิจัยนักบำบัด นักออกแบบ



คนเกิดวันที่16

น่าสงสารคนเกิดวันนี้ที่ยากลำบากในชีวิตต้องสะสมประสบการณ์ด้วยตนเองมากมาย ถึงจะประสบความสมเร็จ แต่ความพิเศษก็มีเช่นกัน เพราะเป็นคนที่มีไหวพริบและมนุษยสัมพันธ์ดีมาก สไตล์การทำงาน :การทำงานของคุณจะนำไปสู่เป้าหมายให้เร็วที่สุด เพราะสิ่งที่วกวนอ้อมไปอ้อมมาคุณจะไม่ถนัดเลย และยิ่งทำให้คุณเสียเวลา คุณจึงตรงไปตรงมารวมถึงวางแผนอย่างรัดกุมเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่คุณคิดอาชีพที่เหมาะสม :นักประพันธ์เอก วิศวกร นักกฎหมาย นักวิจัย นักสืบ



คนเกิดวันที่ 17

เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ดีมาก และยังมีความเป็นผู้นำ ไม่ชอบเดินตามใครหรือให้ใครบงการ สไตล์การทำงาน :สิ่งที่คุณถนัดคือเรื่องของการเมืองในบริษัท และยังถนัดเรื่องการประสานงานไม่ว่าเรื่องความคิดเห็น คุณจะทำได้ดีมากอาชีพที่เหมาะสม :นักแสดง นักการเมือง ทนาย นักเอนเตอร์เทน นักบริหาร นักการเงิน การธนาคาร ผู้นำทางศาสนา นายหน้า



คนเกิดวันที่ 18

คุณเป็นคนเด็ดขาดและชอบงานอิสระ คนยังสามารถควบคุมบรรดาลูกน้องของคุณได้เพื่อคุณเป็นผู้นำที่มีอำนาจ สไตล์การทำงาน :ชอบการเรียนรู้ด้วยตัวเอง และสามารถเรียนรู้ได้รวดเร็วอีกด้วย คุณยังสามารถจัดการหรือฝ่าวิกฤตที่เกิดขึ้นให้ลุล่วงไปด้วยดี เพราะความเป็นนักสู้ของคุณนั้นเองอาชีพที่เหมาะสม :การจัดการ นักกฎหมาย อัยการศาล นักปรัชญา หรือปรากฏการณ์ บรรณาธิการ นักสื่อสารมวลชนหัวก้าวหน้า นักกีฬานักกรีฑา



คนเกิดวันที่ 19

คุณเป็นคนชังสังเกต และมีความเป็นผู้นำสูง จึงเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปสไตล์การทำงาน :คนเป็นคนที่ชอบการร่วมมือกับคนอื่น ไม่ว่าเป็นเรื่องเวลา การลงทุน ลงแรง คุณจะพร้อม และมีความมั่นใจยิ่งขึ้น และคุณยังเป็นคนที่ไม่ค่อยมีศัตรูอีกด้วยอาชีพที่เหมาะสม :ผู้กำกับฯ นักดนตรี นักเขียน ที่ปรึกษา ผู้กำกับศิลป์ แดนเซอร์ นักเคมี เภสัชกร



คนเกิดวันที่ 20

เป็นคนที่ตรงไปตรงมาจริงใจ ไม่คดโกงใคร ไม่เอาเปรียบใคร ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณก็ไม่อยากให้ใครเอาเปรียบคุณเช่นกัน สไตล์การทำงาน :การทำงานของคุณเป็นคนที่ฉกฉวยโอกาศจากช่องว่างต่างๆได้ดีเยี่ยมอาชีพที่เหมาะสม :งานทุกอย่างที่ต้องทำกันเป็นทีมเพราะคุณจะถนัดงานทางด้านนี้ ที่ปรึกษาสุขภาพ ที่ปรึกษาทางด้านบุคลิกภาพ ครูบาอาจารย์ นักการทูต นักบริหาร



คนเกิดวันที่ 21

คุณเป็นคนที่ลังเล โลเลจนทำให้เสียโอกาศทองไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังเป็นคนที่ช่างฝันอยู่ เพื่อสู้ที่จะทำจริง ความสำเร็จเลยไม่ยากเกินความต้องการคุณ สไตล์การทำงาน :คุณมักจะเลือกงานที่ใช้ความคิด และจินตนาการอย่างเต็มที่ เพราะงานทุกชิ้นของคุณออกมาจากใจจริง นับว่าคุณเป็นศิลปินด้วยจิตวิญญาณอาชีพที่เหมาะสม :งานที่เกี่ยวข้องกับทางสื่อโทรทัศน์ หรือหนังสือพิมพ์ ถ้าคุณทำงานทางด้านสายนี้จะดีเอามากๆเลย เช่น วงการดารา นักร้อง นางแบบ นักสื่อสารมวลชน วงการโฆษณา



คนเกิดวันที่ 22

เป็นคนที่แสวงหาความสุขให้ตัวเองพร้อมกับเรียนรู้ไปพร้อมๆกันได้ และยังเป็นคนที่วางแผนชีวิตอย่างซีเรียสเสมอ สไตล์การทำงาน :คุณพยายามที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆให้หมดเพื่อจะได้ฉกฉวยมาได้ก่อนคนอื่น จริงๆคุณไม่ได้เป็นคนที่โลภะหรอกนะ เพียงแต่ว่าคุณไม่อยากที่จะเสียเวลาในการทำอย่างอื่น เป็นเพียงเพราะคุณเป็นคนที่กระหายความสำเร็จเท่านั้น อาชีพที่เหมาะสม :สถาปนิก ครูบาอาจารย์ นักบริหาร ที่ปรึกษาทางธุรกิจ ทนาย หรือทำงานทางด้านการเงิน



คนเกิดวันที่ 23

คนเกิดวันนี้เป็นคนที่คล่องแคล่วในตัดสินปัญหาทุกๆอย่าง และยังสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้ามีเหตุการณ์บางอย่างทำให้คุณถึงจุดสุดขีดขึ้นมา คุณก็สามารถระเบิดสิ่งนั้นออกมาได้ทันที สไตล์การทำงาน :คุณเป็นคนชั่งสังเกต และมีความรู้สึกพิเศษที่ว่า ใครที่ดีกับคุณ หรือช่วยเหลือคุณได้อาชีพที่เหมาะสม :นักสังคมสงเคราะห์ นักอนุรักษ์ธรรมชาติ นักเขียน ศิลปิน



คนเกิดวันที่ 24

เป็นคนที่ชอบความชัดเจน ตรงไปตรงมา มีความอดทน และยังเป็นนักปกครองที่ดีอีกด้วย สไตล์การทำงาน :คุณเป็นคนที่ทำงานไม่รวดเร็ว แต่ว่าผลลัพธ์ที่ออกมานั้น จะเหนือความคาดหมายที่วางไว้ตอนแรกเสมออาชีพที่เหมาะสม :งานที่ต้องเขียนออกมาหรืองานนักดนตรี ผูนำทางด้านศาสนา



คนเกิดวันที่ 25

เป็นคนที่มีความมั่นใจสูงมากเกินไป คุณเป็นคนที่ใจร้อนในการทำงาน เพื่อให้ผลงานออกมาอย่างรวดเร็ว สไตล์การทำงาน :คุณต้องทำงานที่เริ่มต้น หรืองานประเภทบุกเบิกตั้งแต่แรก เพื่อคุณชอบที่จะพยายาม ใช้ความสามารถในการวางแผนหรือคิดค้นอะไรๆอาชีพที่เหมาะสม :งานทางด้านการเงิน หรืองานที่จะต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์



คนเกิดวันที่ 26

คนเป็นคนที่เชื่อมั่นในตนเอง เอาแต่ใจตัวเองบ้าง สมองไหวพริบดี ชอบทำงานที่ท้าทายกับตัวเอง เพื่อความประสบความสำเร็จ สไตล์การทำงาน :เรียนรู้อะไรได้ถูกต้อง เพื่อให้บรรลุความสำเร็จได้เร็ว และก่อนใครคนอื่น แต่งานของคุณต้องเป็นงานที่ทำคนเดียว เพราะคุณชอบที่ทำตั้งแต่เริ่มวางแผนยันลงมือทำงานหมดเลยอาชีพที่เหมาะสม : ครูบาอาจารย์ นักเจรจา นักไกล่เกลี่ย นักสืบ นักตกแต่ง งานการตลาด วานทางด้านการตัดต่อ



คนเกิดวันที่ 27

เป็นคนที่วางแผน คิดรอบคอบ รู้ทันเกม เจรจาเป็นเลิศ แต่ก็ตรงไปตรงมาสไตล์การทำงาน :คุณก็เป็นคนที่คิดรอบคอบ คือ คิดแล้วคิดอีก ก่อนที่จะลงมือทำ เพื่อให้เกิดความมั่นใจ มิให้เกิดความผิดพลาดในอนาคต แถมคุณยังเป็นคนที่รักงานเอามากๆ ไม่ชอบให้ใครทำงานที่ชุ่ยๆอาชีพที่เหมาะสม : นักอบรม นักจัดงานสัมมนา นักบริหาร นักแสดง นักดนตรี นักวาดรูป วาทยกร



คนเกิดวันที่ 28

จัดว่าคนเป็นเจ้าระเบียบจัดเลยก็ว่าได้ ชอบที่จะคิดปฏิวัติแก้ไขแนวคิดด้วย สไตล์การทำงาน :เอาง่ายๆเลยว่า งานที่ยากๆ เป็นสิ่งที่คุณชื่นชอบอาชีพที่เหมาะสม :ศิลปิน นักแสดง นักออกแบบเสื้อผ้า งานที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ นักพัฒนาพื้นที่ นักพัฒนาองค์กร



คนเกิดวันที่ 29

เป็นคนที่มีความเชื่อมั่น ขยันหมั่นเพียรสูง พยายามที่จะสร้าความคิดใหม่ๆออกมา ชอบคิดวางแผนเสมอ เหมาะที่จะเป็นผู้นำ หัวหน้าคน เพราะเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือคนอื่น และยังมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีอีกด้วย สไตล์การทำงาน :คุณชอบที่จะทำงานหลายๆอย่างในคราวเดียวกัน ประมาณว่าทำงานหลายอย่างพร้อมกันบางทีคุณก็มีความสับสนอยู่บ้าง แต่คุณก็มีทักษะที่สามารถที่ทำหลายอย่างพร้อมกันได้อาชีพที่เหมาะสม :งานทางด้านการทำหนังสือ หรืองานช่วยเหลือสังคม ทางด้านการเงิน



คนเกิดวันที่ 30

จะเป็นคนที่มั่นใจในสิ่งที่ตนเองทำ เพราะตนเองได้วางแผนในการทำงานไว้อย่างรอบคอบแล้ว และเป็นคนที่มีอารมณ์ศิลปินสูงด้วย สไตล์การทำงาน :การทำงานที่คุณควรทำคือ มีความอดทน เข้าใจกับผู้อื่น เพราะคุณมีความสามารถทางด้านจิตวิทยาสูงทำให้เข้าใจอื่นได้ดี แต่ไม่ค่อยเข้าใจกับตัวเองเท่าไหร่อาชีพที่เหมาะสม :งานทางด้านการทำหนังสือ อาชีพการบริการ งานเกี่ยวข้องกับการสื่อสาร



คนเกิดวันที่ 31

เป็นคนที่แสวงหาทุกอย่าง พยายามที่จะทะเยอทะเยานให้ไปได้ไกลๆ แถมยังใฝ่สูงอีกด้วย สไตล์การทำงาน :เป็นคนที่ตัดสินใจแล้วต้องทำให้ได้อาชีพที่เหมาะสม :นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นักระดมทุน นักกายภาพบำบัด นักกฎหมาย งานที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ หรือที่เกี่ยวข้องทางด้านสื่อสารมวลชน




วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เลือกอาหารตามกรุ๊ปเลือด


กรุ๊ป O


กรุ๊ปเลือด ที่มีสุขภาพแข็งแรงดี สามารถรับประทานเนื้อสัตว์ได้ทุกชนิด เพราะน้ำย่อยในกระเพาะอาหารมีความเป็นกรดสูง สามารถย่อยโปรตีนได้ง่ายแต่ มักจะมีปัญหาเลือดแข็งตัวช้า ทำให้ระบบเผาผลาญพลังงานไม่ดีนัก ดังนั้น อาหารที่ควรรับประทาน ได้แก่ เนื้อสัตว์ที่ไม่มีไขมันมาก โดยเฉพาะเนื้อหมู ซึ่งร่างกายสามารถย่อยได้ง่ายอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคแผลเน่าเปื่อย หรือเกิดการอักเสบได้ง่ายกว่าคนที่มีกรุ๊ปเลือดอื่น ๆ อีกด้วยและ ควรเลือกรับประทาน ผักใบเขียวเพื่อที่จะได้รับวิตามินเค จะช่วยทำให้เลือดแข็งตัวเร็วขึ้น นอกจากผักใบเขียวแล้ว คนกรุ๊ปเลือดนี้ ควรรับประทาน มะเขือเทศ แครอท และน้ำผลไม้รวม เพื่อเพิ่มเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยบำรุงสายตา และควรออกกำลังกายที่ใช้พลังงานมาก เช่น การแอโรบิค ว่ายน้ำ จะทำให้ช่วยคุมน้ำหนักให้คงที่ได้เป็นอย่างดี

กรุ๊ป A

กรุ๊ปเลือดนี้ เหมาะกับอาหารประเภทข้าว แป้ง และผัก ผลไม้เป็นที่สุดกรุ๊ป เลือด A จะอ่อนไหวต่อโรคมะเร็งมากกว่า หมู่อื่น ๆ ควรลดหรือละเว้น นม เนื่องจากแอนติเจนที่อยู่ในเซลล์ของกรุ๊ปเลือด A เอง และเนื่องจากน้ำย่อยในกระเพาะอาหารมีความเป็นกรดต่ำ กรุ๊ปเลือดนี้ จึงไม่ควรรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์ และอาหารสำเร็จรูปที่มีสารไนไตรท์มาก อาหารที่ควรเลือกรับประทานได้แก่ อาหารทะเล ผักต่าง ๆ และธัญพืช เช่น ซีเรียลโฮลวีท ที่มีใยอาหาร ช่วยในการทำงานของระบบย่อยอาหาร วิตามินบี เพื่อช่วยการทำงานของระบบประสาท และเม็ดเลือดแดงให้แข็งแรงข้อควรระวัง สำหรับกรุ๊ปเลือดนี้ คือ ความเครียด การออกกำลังกาย ที่ใช้พลังงานมาก กลับยิ่งเพิ่มความเครียดให้กับระบบภูมิคุ้มกัน ดังนั้น จึงควรฝึกโยคะ นั่งสมาธิ หรือเต้นระบำเพื่อรักษาสมดุลตามธรรมชาติ

กรุ๊ป B

กรุ๊ปเลือดนี้ จะรับประทานได้หลากหลาย ทั้งเนื้อ นม ไข่ ผัก ผลไม้แต่ ก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีไปเสียหมด เพราะจุดอ่อนอยู่ตรงที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ ดังนั้น จึงควรเสริมอาหารที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย เช่น ผักใบเขียว ผลไม้สด ข้าวกล้อง นมและผลิตภัณฑ์จากนม ส่วนการออกกำลังกาย สามารถทำได้หลากหลายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น แอโรบิค ว่ายน้ำ ตีกอล์ฟ หรือแม้แต่โยคะ

กรุ๊ป AB

กรุ๊ปเลือดสุดท้าย คือเป็นได้ทั้ง แบบกรุ๊ป A และกรุ๊ป B จึงสามารถรับประทานได้ทั้ง 2 กรุ๊ปเลือดตามใจชอบแต่ ควรที่จะหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันมาก และเนื้อสัตว์ที่ย่อยยาก เนื่องจากน้ำย่อยมีความเป็นกรดต่ำ จึงทำให้ย่อยโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้ไม่ค่อยดีนัก มักจะมีกรดเกิดขึ้นมาก ในท้องส่วนล่าง หรือลำไส้ใหญ่ อาจสังเกตได้ง่ายๆ ถ้ามีอาการผิดปกติ คือ จะเรอบ่อยอาหารที่ควรรับประทาน เช่น อาหารทะเล ผักสด เต้าหู้ ผลไม้จำพวกส้มโอ องุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโยเกิร์ต เนื่องจากจะช่วยในการย่อย กระเพราะอาหารไม่ต้องทำงานหนักมากเกินไป และควรดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ เพื่อขับไล่ของเสียในร่างกายที่มีมากกว่ากรุ๊ปเลือดอื่น ส่วนการออกกำลังกาย เลือกที่ทำให้จิตใจสงบมีสมาธิ อย่างเช่น โยคะ ยิงธนู เป็นต้น



รู้อย่างนี้แล้ว ลองหันมารับประทานอาหารตามกรุ๊ปเลือดกันดู เพื่อสุขภาพที่ดี.